ลองนึกภาพว่าคุณได้เป็นเจ้าของรถสีแดงคันใหญ่ สวยงาม เป็นประกาย มันจอดอยู่หน้าบ้านของคุณเอง รถมีพื้นที่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย และมีอุปกรณ์มากมาย คุณสนุกกับมันและรักการขับมันอย่างมาก คุณได้กลิ่นเฉพาะของรถใหม่ไหม? คุณรู้สึกถึงความสุขที่เพิ่มขึ้นในตัวคุณใหมในขณะที่เห็นเพื่อนและเพื่อนบ้านมองด้วยความชื่นชม
ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรหลังจากอ่านคำอธิบายข้างต้น? ให้ความสนใจกับความรู้สึกนี้ สักครู่หนึ่งคุณอาจรู้สึกดีมาก จากนั้นใจของคุณก็เริ่มตอบสนอง และพูดว่า “ใช่ ฉันชอบความคิดนี้ แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นจริงในชีวิตจริง มันเป็นแค่ความฝันกลางวัน” ตอนนี้ความมหัศจรรย์ทั้งหมดก็หายไป ใจของคุณทำลายความรู้สึกมหัศจรรย์และความฝันนั้น
คุณสามารถปล่อยให้ความฝันกลางวันและจินตนาการของคุณดำเนินต่อไปโดยไม่ทำลายมัน อย่าแสดงความคิดเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับความฝันและจินตนาการเหล่านั้น หรือทิ้งมันไปว่าไร้ประโยชน์และไม่มีมูล
เมื่อจบความฝันกลางวันดังกล่าว ให้เปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่น โดยไม่มีการวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็น คุณต้องพูดคำพูดในแง่ลบเกี่ยวกับความฝันกลางวันของคุณและแสดงความไม่เชื่อในความเป็นไปได้ของมันไหม?
ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างที่เป็นอยู่ แต่เมื่อคุณฝันกลางวันหรือจินตนาการ อย่าทำลายความฝันนั้นด้วยการปฏิเสธความเป็นไปได้ที่มันจะเป็นจริง หากคิดและฝันสิ่งใดแล้วก็อย่าทำลายมันด้วยการตบท้ายความคิดที่ว่า ‘มันเป็นไปไม่ได้หรอก’
อย่ากังวลว่าการเชื่อในความฝันของคุณจะทำให้คุณกลายเป็นคนเพ้อฝันและไม่ลงมือทำ ให้มันเป็นแรงบันดาลใจและกระตุ้นคุณ และคุณจะกลายเป็นคนที่ลงมือทำและประสบความสำเร็จมากขึ้น
- คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณได้รับกุญแจอพาร์ตเมนต์ใหม่หรือกุญแจรถใหม่ของคุณ?
- คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณอยู่ที่สนามบิน กำลังจะไปเที่ยวพักผ่อนที่คุณใฝ่ฝันมานาน?
- คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณได้รับการเลื่อนตำแหน่งในที่ทำงาน หรือเมื่อคุณประสบความสำเร็จในโครงการ?
- คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณฟื้นตัวจากความเจ็บป่วย?
- คุณรู้สึกอย่างไรที่เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารแล้วเห็นตัวเลขเงินฝาก 7-8 หลัก หรือมากกว่านั้น
พยายามจับความรู้สึกและหวนนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านั้น เพราะมันมีพลังอันยิ่งใหญ่อยู่ในนั้น
ความรู้สึกที่มากับความสำเร็จนั้นสำคัญมาก จงจำและรื้อฟื้นความรู้สึกที่มากับความสำเร็จในอดีตของคุณ เพราะมันคือเวทมนตร์ที่จะมีอำนาจมากมากๆในอนาคต ถ้าคุณเรียกมันขึ้นมาอย่างตั้งใจและมีสติ มันสามารถทำให้ความฝันของคุณเป็นจริงได้
การซ้อมความรู้สึกและอารมณ์ที่มากับความสำเร็จในใจของคุณ จะขับเคลื่อนพลังที่มองไม่เห็นเพื่อสร้างความสำเร็จที่มองเห็นได้ในชีวิตของคุณ ความรู้สึกที่มีความสุขและความสำเร็จเหล่านี้สร้างพลังขับเคลื่อนในโลกแห่งจิตและจักรวาล
พลังดังกล่าวทำให้ความความคิดที่เป็นสารตั้งต้นของความรู้สึกนั้นสำแดงสู่ความเป็นจริงในโลกความเป็นจริงของคุณ
มันได้มีการพิสุจน์ผ่านผู้คนนับหมื่นนับแสนมาเป็นร้อยๆพันๆปีว่า ความคิดใดๆที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกเหล่านี้จะถูกขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นจริงในที่สุด
เมื่อใดก็ตามที่เราประสบความสำเร็จ เราจะรู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างมาก ด้วยการดึงและรื้อฟื้นความรู้สึกนี้ คุณสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จครั้งใหม่
ถ้าคุณคิดถึงบางสิ่งที่คุณอยากจะทำให้เป็นจริง และในขณะเดียวกัน คุณสร้างความรู้สึกแห่งความสำเร็จนี้ขึ้นมาในจิตสำนึกของคุณอย่างมีสติ และอยู่กับมัน คุณสามารถได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการได้ คุณอาจจะมองว่ามันคือปาฏิหารย์ก็ได้ หรือถ้าจะให้เปรียบเที่ยบแล้วนี่คือไม้กายสิทธิ์ที่คุณสามารถเสกเวทมนตร์และสิ่งมหัศจรรย์ได้
ทัศนคติที่ถูกต้องต่อความสำเร็จ
ถ้าคุณตรวจสอบความทะเยอทะยาน ความปรารถนา และเป้าหมายของคุณอย่างจริงใจ คุณอาจค้นพบด้วยความประหลาดใจว่าคุณมีความกลัวที่จะทำให้มันเป็นจริง
คุณต้องการสิ่งบางสิ่งแต่คุณก็กลัวที่จะมีมัน คุณอาจต้องการชีวิตแบบอื่น แต่ในจิตใต้สำนึกของคุณคุณกลัวการเปลี่ยนแปลง
เช่น คุณอาจต้องการแต่งงาน แต่คุณกลัวการแต่งงาน คุณต้องการเปลี่ยนงานแต่คุณกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง คุณต้องการขึ้นเป็นหัวหน้าแต่คุณกลัวความรับผิดชอบที่มากขึ้น คุณต้องการรวยแต่กลัวต้องทำงานหนักและเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อน
นี่เป็นเพราะความคุ้นเคยให้ความมั่นคง คุณสามารถพบตัวอย่างมากมายเช่นนี้
เมื่อคุณมีเป้าหมายและในขณะเดียวกันคุณก็มีความสงสัยและความกลัว คุณกำลังขับไล่ความเป็นจริงของความฝันของคุณออกไป มันเหมือนกับการแล่นเรือทวนลมและกระแสน้ำ คุณถูกผลักกลับตลอดเวลา
ความกลัวเหล่านี้ซ่อนอยู่ด้านหลังของจิตใจและคุณอาจไม่รู้ตัว การวิเคราะห์ความปรารถนาใด ๆ ที่คุณมี และพยายามค้นหาว่ามีความต้านทานใด ๆ ต่อการทำให้มันเป็นจริงหรือไม่ จะนำความกลัวออกมาสู่ที่เปิดเผย และช่วยให้คุณสามารถทิ้งความกลัวและแรงฉุดภายในของคุณไปได้
คนส่วนใหญ่มองโลกที่อยู่รอบตัวพวกเขาเป็นสิ่งที่จับต้องได้และเป็นรูปธรรม ความคิดของพวกเขาถูกผูกมัดไว้กับสิ่งที่พวกเขาเห็นรอบตัวตั้งแต่จำความได้ ความคิดของพวกเขาสะท้อนชีวิต สถานการณ์ และเหตุการณ์ต่างๆ
ไม่บ่อยนักที่ใครบางคนจะมองข้ามสภาพแวดล้อมและสถานการณ์รอบตัว และสร้างสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปในใจของเขา สภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้คน และพวกเขามองว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อคุณสามารถเห็นชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างออกไปในใจของคุณได้ คุณจะหยุดที่จะอยู่ภายใต้อำนาจของสถานการณ์และเริ่มสร้างชีวิตของคุณเอง
ไม่มีใครกลายเป็นไม่เอาไหน หรืออ่อนแอ หากพวกเขามีความคิดและสร้างภาพในใจในสิ่งที่เขาต้องการโดยไม่สนใจกับสถานการณ์ภายนอกในปัจจุบันของเขา มันเป็นไปได้ที่จะจัดการเรื่องต่างๆในชีวิตด้วยวิธีที่ดีที่สุด โดยมีมุมมองภายใน ภาพในใจอย่างที่ต้องการจะให้เป็นโดยไม่ต้องใส่ใจว่าสถาการณ์ภายนอกตอนนี้เป็นอย่างไร
ลองใช้จินตนาการของคุณเพื่อดูและรู้สึกในใจถึงสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป และดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าใจของคุณไม่ต่อต้านและขัดขวางสิ่งที่คุณต้องการด้วยความคิดด้านลบ (Negative) ความกลัว (Fear) ความกังวล (Worry) และความสงสัย (Doubt) และถ้าคุณยังคงคิดเหมือนเดิม สิ่งที่คุณคิดนั้นมันจะเป็นจริง
บางครั้งการทำให้ความคิดหรือความปรารถนาของคุณเป็นจริงอาจล่าช้าเนื่องจากคุณยังไม่พร้อมสำหรับมัน บางทีคุณอาจต้องการความรู้ การฝึกฝน หรือทักษะใหม่เพิ่มเติมก่อนที่คุณจะได้สิ่งที่คุณต้องการ
บางครั้งสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในลักษณะที่ผิดปกติ แต่บ่อยครั้งที่มันมาในลักษณะที่เป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป
จิตสำนึกและความสำเร็จ
ขอให้จำความจริงอย่างหนึ่งคือ จิตใจและจิตสำนึกของคุณคือผู้สร้างชีวิตของคุณ ยิ่งคุณตระหนักรู้ในตัวเองมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงการตระหนักรู้ถึงร่างกาย ตัวตน หรือว่าคุณเป็นใครในฐานะบุคคล แต่หมายถึงการตระหนักรู้ถึงการมีสติ การรู้สึกถึงการดำรงอยู่ ความรู้สึกของการมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่จากมุมมองของร่างกายทางกายภาพ มันเป็นความรู้สึกและสัมผัสภายในที่คุณดำรงอยู่ในฐานะสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณ
มันคือการตระหนักรู้ถึงแก่นแท้ภายในของคุณ ในฐานะสิ่งที่อยู่เหนือร่างกายและตัวตน
จิตสำนึกคือแก่นแท้ของคุณ หากปราศจากมัน คุณก็ไม่ใช่คุณ มันให้พลังแก่บุคลิกภาพและร่างกายของคุณในการทำงาน เพราะมัน คุณสามารถเดิน กิน ทำงาน เรียน พูด และเข้าใจ
มันคือสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตอยู่ มันจับต้องไม่ได้ แต่ก็เป็นของจริง มันคือการตระหนักรู้ถึงชีวิต การมีชีวิตอยู่และการดำรงอยู่ของคุณ
เมื่อคุณมุ่งเน้นจิตสำนึกของคุณไปที่ความสำเร็จ และเติมเต็มมันด้วยความรู้สึกของความสำเร็จ สิ่งต่าง ๆ จะเริ่มเกิดขึ้น เมื่อความมั่นใจในความสำเร็จถูกหล่อเลี้ยงเข้าไปในจิตสำนึก คุณจะมีพลังอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือของคุณ จิตสำนึกแห่งความสำเร็จหมายความว่าคุณมั่นใจในความสำเร็จของคุณโดยไม่มีข้อสงสัย
คุณต้องการงานใหม่หรือไม่? คุณต้องการให้ธุรกิจของคุณสำเร็จหรือไม่? จงปลุกเร้าความรู้สึกของความมั่นใจโดยไม่มีข้อสงสัยว่าคุณได้มันมาแล้ว คุณปรารถนาเงินทอง ความรัก วันหยุด การเลื่อนตำแหน่ง รถใหม่ หรือเงินหรือไม่? อย่าปล่อยให้มีความสงสัยใด ๆ จิตสำนึกของคุณควรจะมุ่งเน้นและมั่นใจในความสำเร็จ
คุณจะบรรลุความสำเร็จได้อย่างไร ถ้าจิตสำนึกของคุณมุ่งเน้นไปที่ความล้มเหลวและความสงสัย จงตระหนักรู้ถึงจิตสำนึกของคุณ ความรู้สึกว่าคุณคืออะไร จงมุ่งเน้นไปที่มัน และในขณะเดียวกันก็คิดถึงความสำเร็จ และคุณจะมีพลังอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือของคุณ
วิธีการใช้ความรู้สึกและจิตสำนึกเพื่อความสำเร็จ
ไม่ว่าคุณปรารถนาสิ่งใด จงพยายามรู้สึกราวกับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว อันนี้สำคัญมาก
ให้หวนระลึกถึงความสุขที่คุณเคยได้รับเมื่อคุณบรรลุความทะเยอทะยานในอดีต และ ถ่ายทอดความสุขและความรู้สึกสำเร็จนี้ไปสู่ปัจจุบัน และความสำเร็จของคุณก็มั่นคง
ความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความสำเร็จ มันคือกระแสพลังที่นำมาซึ่งความสำเร็จ ต้องทำให้มันเหมืนอมีมีชีวิตอยู่ เข้มแข็ง จริงใจ และจริงใจ เพื่อที่จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ ความรู้สึกเพิ่มไฟและพลังงานให้กับความคิดและทำให้มันแข็งแกร่ง พวกมันเหมือนกระแสไฟฟ้าที่ทำให้อุปกรณ์ทำงาน
จิตสำนึกแห่งความสำเร็จคือสภาวะของความมั่นใจภายใน แม้ว่าความเป็นจริงในปัจจุบันของคุณจะห่างไกลจากสิ่งที่คุณต้องการก็ตาม
อย่าปล่อยให้ ความสงสัยและความคิดและความรู้สึกที่ขัดแย้งเข้ามาในใจของคุณ และคุณก็กำลังก้าวไปสู่ ความสำเร็จในสิ่งที่คุณทำ
จงปลุกความรู้สึกมั่นใจแห่งความสำเร็จ จุดเชื้อเพลิงลงในความรู้สึกนี้ และรักษามันไว้เสมอ ทำเสมือนว่ามันมีชีวิตอยู่ เพียงแค่ลองคุณจะเข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร มันคือสภาวะของสติ เรียกโดยเจตนา แม้ว่าสถานการณ์ภายนอกจะตรงกันข้ามก็ตาม
สติมีพลังในการสร้าง สิ่งที่อยู่ในสติก็ออกมาในที่สุด ไม่มีอะไรเหนือธรรมชาติ และนี่คือวิธีที่ธรรมชาติทำงาน
ปรกติอาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าสติสร้างความปรารถนาของคุณให้ปรากฏในโลกภายนอก ความเชื่อของคุณจะต้องมีลักษณะที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างที่สุดในความสำเร็จนั้นๆ คุณต้องเชื่อแบบไม่มีข้อสงสัยว่ามันจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
ขอย้ำอีกครั้ง ความเชื่อว่าคุณจะสำเร็จอย่างที่คุณต้องการต้องไม่ใช่แค่ความเชื่อที่เลือนลาง หรือเชื่อแบบฝันไปลมๆแล้ง แต่ต้องเป็นความเชื่อ ความศรัทธา แบบหนักแน่ ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แล้วคุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง และจะเป็นการเปลียนแปลงที่หลายๆบอกว่านี่คือปาฏิหารย์
คุณอาจมองกระบวนการนี้เหมือนเป็นการเล่นเกมก็ได้ เริ่มจากทิ้งข้อสงสัยของคุณไว้ก่อน แล้วเริ่มปฏิบัติการกระทำภายในเหล่านี้ในจิตวิญญาณแบบเกม ทำให้มันเป็นเรื่องสนุกสนานและท้าทาย และทำให้เรื่องจริงจัง แต่ขอให้มีความสุขกับมัน
คุณจะลดความตึงเครียดของคุณ และสามารถปลดปล่อยพลังงานได้มากขึ้น ในลักษณะเชิงบวก เพลิดเพลินกับกระบวนการนี้ แล้วคุณจะประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ได้
เป็นไปได้ทีเดียวที่จะให้ความสำคัญกับความรู้สึก ไม่ใช่แค่ความคิดเท่านั้น ความรู้สึกถ้า แข็งแกร่งเพียงพอ ทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น แม้ว่าความคิดที่เกี่ยวข้องจะอยู่เบื้องหลังก็ตาม- พื้น. หากความรู้สึกและอารมณ์รุนแรง และเชื่อมโยงกับเหตุการณ์หรือ วัตถุ เหตุการณ์หรือวัตถุนี้จะกลายเป็นความจริง ผู้ที่มีปัญหาในการมองเห็นภาพ จะต้องชอบวิธีนี้แน่นอน
ลองคิดถึงชีวิตของคุณ แล้วคุณจะพบว่ามีบางครั้งที่คุณมีความมั่นใจในบางสิ่ง โดยไม่ได้พยายามตั้งใจจะทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆ และสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น มันอาจจะเป็นสิ่งที่เป็นบวกและดีหรืออย่างอื่นที่ เป็นผลเสียต่อคุณ หากคุณยอมรับและปฏิบัติตามสิ่งที่คุณอ่านอยู่นี่ คุณจะสามารถ ใช้ความสามารถนี้ได้อย่างมีสติ
สิ่งที่คุณอ่านมาถึงตอนนี้เกี่ยวกับพลังของการสร้างภาพและความคิดสร้างสรรค์ แต่เน้นที่ความรู้สึกและจิตสำนึกมากกว่าภาพและ ความคิด คิดถึงสิ่งที่คุณอ่านและพยายามนำไปปฏิบัติ ให้ความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จเข้ามาในชีวิตคุณ