วันนี้เราจะมาเปิดเผยความลับพลังจิตใต้สำนึก โดยที่เนื้อหานี้จะเป็นแนวทางที่เปิดเผยความลับอันทรงพลังในการควบคุมพลังจิตใต้สำนึกเพื่อดึงดูดความมั่งคั่ง ความสำเร็จ
เราจะเจาะลึกเทคนิคต่างๆ เช่น การสร้างภาพในจิตใจ (Visualization) คำยืนยันในเชิงบวก (Affirmation) การตั้งสมาธิแน่วแน่ (Meditation) และการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ (Gratitude) เพื่อปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของคุณให้สอดคล้องกับพลังงานแห่งความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง เรียนรู้วิธีขจัดความเชื่อที่จำกัด ดึงดูดพลังแห่งกฎแห่งแรงดึงดูด และพร้อมรับชีวิตที่ได้ในสิ่่งที่คุณต้องการ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ปฏิบัติที่มีประสบการณ์หรือเพิ่งรู้จักแนวคิดเรื่องพลังจิตใต้สำนึก เนื้อหานี้มีเครื่องมือในการปลดล็อกชีวิตแห่งความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างที่คุณต้องการ
บทที่ 1: บทนำสู่พลังจิตใต้สำนึก
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจจิตใต้สำนึกกันก่อน
จิตใต้สำนึกเป็นพลังอันทรงอำนาจมากเกินกว่าที่เราจะวัดและเข้าใจได้ และมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมความคิด ความเชื่อ และพฤติกรรมของเรา สำหรับผู้ที่เรียนรู้ตลอดชีวิตและนักคิดสร้างสรรค์ การเข้าใจการทำงานของจิตใต้สำนึกสามารถปลดล็อกศักยภาพมากมายในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้านของชีวิต
ด้วยการเจาะลึกเข้าไปในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกเราสามารถค้นพบความเชื่อและรูปแบบที่ซ่อนอยู่ที่กำลังฉุดรั้งเราจากการบรรลุเป้าหมายและการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดของเรา เมื่อเข้าใจแล้วเราก็จะสามารถทลายความเชื่อนั้นให้หมดไปและสร้างความเชื่อใหม่ที่ทำให้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการในชีวิตได้
แนวคิดสำคัญประการหนึ่งที่ต้องเข้าใจเกี่ยวกับจิตใต้สำนึกคือ มันทำงานโดยอัตโนมัติเป็นหลัก นั่นหมายความว่าความคิด ความรู้สึก และการกระทำหลายอย่างของเราถูกขับเคลื่อนโดยความเชื่อและนิสัยที่ฝังรากลึก ซึ่งเราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เราสามารถเริ่มปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราให้สอดคล้องกับความต้องการและเป้าหมายของเราได้โดยการตระหนักถึงกระบวนการอัตโนมัติเหล่านี้มากขึ้น
อีกแง่มุมหนึ่งที่สำคัญของจิตใต้สำนึกคือความเชื่อมโยงกับกฎแห่งแรงดึงดูด (Law of Attraction) กฎนี้ระบุว่าสิ่งที่คล้ายกันดึงดูดกัน หมายความว่าความคิดและความเชื่อของเรามีพลังในการแสดงออกถึงความเป็นจริงในชีวิตเรา เราจะเป็นสิ่งที่เราคิดเสมอ
ดังนั้นเราสามารถเริ่มดึงดูดความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาในชีวิตของเราได้ด้วยการควบคุมพลังของจิตใต้สำนึก โดยเปลี่ยนความสนใจของเราไปที่ความคิดและความเชื่อในเชิงบวก
วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังของจิตใต้สำนึกคือการสร้างภาพในใจ (Visualization) และคำยืนยัน (Affirmation) ด้วยการสร้างภาพเป้าหมายของเราไว้ในใจให้ชัดเจนเป็นประจำและยืนยันข้อความเชิงบวกโดยการพูดกับตัวเองซ้ำๆย้ำๆว่าเราได้ในสิ่งที่เราต้องการแล้ว
เราสามารถเริ่มปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราให้เชื่อว่าเราคู่ควรและสามารถบรรลุความต้องการของเราได้ การปฏิบัตินี้สามารถช่วยขจัดความเชื่อที่จำกัด (Limiting Belief) และสร้างเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับความอุดมสมบูรณ์ที่จะไหลเข้ามาในชีวิตของเรา
โดยสรุป การทำความเข้าใจจิตใต้สำนึกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการไขความลับในการได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการซึ่งก็รวมถึงความมั่งคั่งร่ำรวยด้วย เราสามารถเริ่มปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความต้องการของเราด้วยการตระหนักถึงความคิดและความเชื่ออัตโนมัติของเรามากขึ้น
เราสามารถควบคุมพลังของจิตใต้สำนึกเพื่อดึงดูดความอุดมสมบูรณ์และสร้างชีวิตแห่งความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดผ่านการฝึกฝนเช่นการสร้างภาพและคำยืนยันเชิงบวกนั่นเอง
เห็นไหมครับว่าการเข้าไปสั่งการจิตสำนึกให้ไม่ได้เป็นเรื่องยากเท่าไหร่เลย แต่เป็นสิ่งที่ต้องอดทนทำและต้องก้าวข้ามความน่าเบื่อของการทำซ้ำๆแบบนี้ไปให้ได้
พลังของความเชื่อ
ต่อไปนี้เราจะเจาะลึกถึงผลกระทบที่ระบบความเชื่อของเรามีต่อความสามารถในการสร้างความเป็นจริงในชีวิตอย่างที่เราต้องการได้อย่างไร ความเชื่อทำให้สิ่งที่เราคิดอยู่ในใจเป็นความจริงได้อย่างไร และความเชื่อทำให้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการได้อย่างไร
โจเซฟ เมอร์ฟี ผู้เขียนหนังสือ “พลังแห่งจิตใต้สำนึก” (Power of the Subconscious Mind) ได้กล่าวไว้ว่า กฎแห่งชีวิต คือ กฎแห่งความเชื่อ เขาบอกว่าจิตใต้สำนึกของเราไม่สามารถแยกแยะระหว่างจินตนาการกับความเป็นจริงได้
มันทำได้แค่รับคำสั่งและไม่สามารถคิดเองได้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี หากใครยังต้องพบเจอกับการที่อดผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ เผชิญกับความกลัวและความวิตกกังวล นั่นเป็นผลมาจากความเชื่อที่จำกัดตัวเองที่คนคนนั้นส่งไปยังจิตใต้สำนึกของเขา ดังนั้นจึงจำเป็นเสมอที่เราจะป้อนข้อมูลเชิงบวกและให้คำสั่งเชิงบวกกับจิตใต้สำนึกของเราเท่านั้น
ความเชื่อของเราเป็นตัวกำหนดความเป็นจริงของเรา มีอิทธิพลต่อความคิด อารมณ์ และการกระทำของเรา เราสามารถปลดล็อกศักยภาพของพลังจิตใต้สำนึกของเราได้อย่างเต็มที่ด้วยการทำความเข้าใจและควบคุมพลังของระบบความเชื่อของเรา
สำหรับผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตและนักคิดสร้างสรรค์ การสำรวจความซับซ้อนของระบบความเชื่อสามารถเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ ความเชื่อของเรามักฝังรากลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราซึ่งเป็นตัวกำหนดการรับรู้โลกและตัวเรา
เราสามารถสร้างพื้นที่ให้ความเชื่อใหม่ที่เสริมพลังสร้างรากฐานและเติบโตได้ด้วยการหาให้ได้ว่าความคิดที่จำกัดของเรามีอะไรบ้าง และหลังจากนั้นก็ท้าทายความเชื่อนี้โดยการเชื่อว่าสิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราอยากได้อยากเป็นเราสามารถมีมันได้ และลบความคิดจำกัดที่อยู่ในความเชื่อออกให้หมด ดังนั้นกระบวนการปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้านของชีวิตเรา
เราสามารถเข้าถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของจิตใต้สำนึกของเราได้ด้วยพลังของระบบความเชื่อ ผ่านการปลูกฝังความคิดความโลกและจักรวาลนั้นมีแค่ความอุดมสมบูรณ์ ทุกคนสามารถมีและได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่มีความขาดแคลนไดๆ และต้องมีความคิดเชิงบวกอยู่เสมอ
เราสามารถดึงดูดโอกาส ทรัพยากร และประสบการณ์ที่สอดคล้องกับความปรารถนาอันลึกซึ้งที่สุดของเรา ความเชื่อของเราทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนและสถานการณ์ที่สะท้อนสภาพภายในของเรา เมื่อเราจัดความเชื่อของเราให้สอดคล้องกับเป้าหมายและแรงบันดาลใจของเรา เราก็จะสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ในการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์
นั่นก็คือหาเราสร้างภาพในใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือสถานการณ์หนึ่งสถานการณ์ใดอย่างต่อเนื่องจนจิตใต้สำนึกเชื่อว่ามันคือเรื่องจริงจิตใต้สำนึก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ภาพในใจนั้นเป็นจริงขึ้นมาให้ได้ซึ่งจริงๆแล้วมนุษย์เราก็ยังไม่มีข้อมูลหรือความรู้ที่มากพอที่จะอธิบายได้ว่าจิตใต้สำนึกมีความสามารถดึงดูดสถานการณ์หรือสิ่งต่างๆนั้นอย่างไร
ในฐานะผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต เราเข้าใจดีว่าการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงนั้นจำเป็นต้องมีความเต็มใจที่จะสำรวจแนวคิดและมุมมองใหม่ๆ
เราเปิดตัวเองให้เข้าสู่โลกแห่งความเป็นไปได้ด้วยการขยายระบบความเชื่อและท้าทายและทดลองสมมติฐานของเราเอง ในโลกใบนี้มีการพิสุจน์กันมานักต่อนักแล้วว่านักคิดสร้างสรรค์มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการจินตนาการถึงความเป็นจริงใหม่ๆ และแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงผ่านพลังแห่งความเชื่อของพวกเขา เราสามารถร่วมสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เราต้องการ ความสุขและความสำเร็จด้วยการควบคุมศักยภาพในการสร้างสรรค์ของจิตใต้สำนึกของเรานั่นเอง
ดังนั้นเราขอเชิญคุณร่วมเดินทางค้นหาตัวเองและเพิ่มขีดความสามารถ ด้วยการเจาะลึกพลังของระบบความเชื่อ คุณสามารถปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของจิตใต้สำนึกของคุณและแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตในรูปแบบที่คุณไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ เข้าร่วมกับเราบนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อชีวิตแห่งความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดและความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
จิตใต้สำนึกมีผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร
ในชีวิตประจำวันของเราจิตใต้สำนึกมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความคิด ความเชื่อ และการกระทำของเรา ส่วนที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจของเรานี้มีพลังและอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของเรา โดยที่เรามักไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
การเข้าใจว่าจิตใต้สำนึกมีผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการควบคุมพลังของมันเพื่อแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์และบรรลุเป้าหมายของเรา
จิตใต้สำนึกส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างหนึ่งคือผ่านความเชื่อและทัศนคติของเรา ความคิดและการรับรู้ที่ฝังรากลึกเหล่านี้กำหนดความเป็นจริงของเราและมีอิทธิพลต่อวิธีที่เรามองโลก
ด้วยพลังของจิตใต้สำนึก
เราสามารถปรับโปรแกรมความเชื่อเหล่านี้ให้สอดคล้องกับความปรารถนาและเป้าหมายของเรา สร้างความคิดเชิงบวกที่ดึงดูดความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นจิตใต้สำนึกยังมีบทบาทในนิสัยและพฤติกรรมของเราอีกด้วย นั่นก็คือถ้าเราเชื่อสิ่งไหนเราก็มีแนวโน้มที่จะทำในสิ่งนั้นแบบนั้นได้ง่ายๆ เช่นเชื่อว่าทำดีกับคนอื่นก่อนแล้วจะได้รับสิ่งที่ดีตอบแทนเราก็จะมีพฤติกรรมปฏิบัติต่อผู้อื่นในทางบวก ในขณะเดียวกันถ้าเราเชื่อว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวเราก็จะแสดงออกแบบเห็นแก่ตัวโดยที่ตัวเราเองแทบไม่รู้ตัว
การกระทำในชีวิตประจำวันหลายอย่างของเราถูกขับเคลื่อนโดยแรงกระตุ้นและกิจวัตรของจิตใต้สำนึกที่เราพัฒนาขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยการใช้พลังของจิตใต้สำนึก เราสามารถหลุดพ้นจากนิสัยที่ไม่ดีและสร้างพฤติกรรมใหม่ที่เสริมพลังซึ่งสนับสนุนการเดินทางของเราไปสู่ความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จ
นอกจากนี้ จิตใต้สำนึกยังส่งผลต่ออารมณ์และปฏิกิริยาของเราต่อสิ่งเร้าภายนอก ความเชื่อที่ฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกมีอิทธิพลต่อการแสดงอารมณ์และตอบสนองกับสถานการณ์ที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน เช่นในตอนเด็กเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรุนแรงเราก็มีแนวโน้มจะแสดงความรุนแรงต่อสิ่งต่างๆหรือคนที่อยู่รอบตัว
ด้วยการตระหนักถึงรูปแบบความคิดใต้สำนึกและสิ่งกระตุ้นทางอารมณ์ของเราเราสามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมปฏิกิริยาของเราและเลือกการตอบสนองในเชิงบวกมากขึ้นในสถานการณ์ที่ท้าทาย ความฉลาดทางอารมณ์นี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์และการสร้างชีวิตแห่งความสุขและความสำเร็จ
โดยสรุป การเข้าใจว่าจิตใต้สำนึกมีผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปลดล็อกศักยภาพของมันอย่างเต็มที่และควบคุมพลังของมันเพื่อให้ได้ผลอย่างที่เราต้องการด้วยการตระหนักถึงความเชื่อ นิสัย และอารมณ์ของเรา
เราสามารถปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความปรารถนาของเรา สร้างชีวิตที่สมบูรณ์ขึ้นและเติมเต็มขึ้น
และอีกเช่นกันในฐานะผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตและนักคิดสร้างสรรค์ เรามีพลังที่จะเข้าถึงความลับของพลังจิตใต้สำนึกและสร้างความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จ
บทที่ 2: ปลดปล่อยพลังภายใน
หลังจากที่เกริ่นมาพอสมควรเรื่องพลังของจิตใต้สำนึกคุณคงจะถามว่าแล้วจทำอย่างไรกับมัน มีเทคนิคการเข้าถึงจิตใต้สำนึกเพื่อให้แสดงพลังมหาศาลส่งผลต่อชีวิตของเราได้
ในบทนี้เราจะสำรวจเทคนิคต่างๆ สำหรับการเข้าถึงจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับการแสดงบรรลุเป้าหมาย รวมถึงการได้มาซึ่งความมั่งคั่งร่ำรวยในชีวิตของเรา เรามาเริ่มกันเลย
Visualization หรือการสร้างภาพสิ่งที่คุณต้องการในใจ
เทคนิคหนึ่งในการเข้าถึงจิตใต้สำนึกคือการสร้างภาพ (Visualization) เราสามารถสื่อสารโดยตรงกับจิตใต้สำนึกด้วยการสร้างภาพจิตที่ชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายและความปรารถนาของเรา
เมื่อพูดถึงการสร้างภาพ สิ่งสำคัญคือการสร้างภาพจิตที่ชัดเจนของผลลัพธ์ที่ต้องการ ด้วยการสร้างภาพความสำเร็จ ความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่งร่ำรวย เราสามารถตั้งโปรแกรมจิตใต้สำนึกของตนให้ทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้
กระบวนการนี้ช่วยให้ความคิด ความเชื่อ และการกระทำสอดคล้องกับความเป็นจริงที่ต้องการ ทำให้มีแนวโน้มที่จะปรากฏในโลกทางกายภาพมากขึ้น ผู้นำ นักประดิษฐ์ นักกีฬา และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั่วโลง ใช้การสร้างภาพเป็นเครื่องมืออันทรงพลังเพื่อปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และทำให้แนวคิดของพวกเขา
จิตใต้สำนึกไม่แยกความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการ เทคนิคนี้มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝึกฝนเป็นประจำ เพราะจะช่วยปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จและได้สิ่งต่างๆที่ต้องการ
การยืนยันเชิกบวก (Affirmation)
อีกเทคนิคหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงจิตใต้สำนึก คือการยืนยันในเชิงบวก (Affirmation) เราสามารถเอาชนะความเชื่อด้านลบและปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราให้ประสบความสำเร็จ ด้วยการกล่าวคำพูดเชิงบวกซ้ำๆ เกี่ยวกับตัวเราและเป้าหมายของเรา
ด้วยการกล่าวคำพูดเชิงบวกซ้ำๆเกี่ยวกับตนเองและเป้าหมายของตน บุคคลสามารถตั้งโปรแกรมจิตใต้สำนึกของตนใหม่เพื่อมุ่งเน้นไปที่ความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จ ด้วยเทคนิคการยืนยันความเชื่อเชิงบวกอย่างต่อเนื่องเราสามารถสร้างความเป็นจริงใหม่ให้กับตัวเองได้
เช่นบอกกับตัวเองบ่อยๆว่า
- ฉันร่ำรวยแล้ว
- ฉันทำได้
- ฉันได้อย่างที่ฉันต้องการ
- ฉันดึงดูดเงินเข้ามาในชีวิตอย่างไม่ยากเย็น
- ฉันเอาชนะอุปกสรรคที่ขวางหน้าได้ทุกอย่าง
- ฯลฯ
หากพูดย้ำๆซ้ำจนถึงระดับหนึ่งจิตใต้สำนึกก็จะเชื่อตามนั้นและก็จะหาทางทำให้มันเป็นจริงแบบนั้นในชีวิตของคุณในที่สุด แต่คุณต้องเชื่อตามคำกล่าวการยืนยันเชิงบวกนั้น
การผสมผสานการสร้างภาพในใจและการยืนยันเข้าด้วยกันสามารถขยายผลของการฝึกแต่ละครั้ง นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการเห็นภาพผลลัพธ์ที่ต้องการในขณะที่ยืนยันข้อความเชิงบวก เราสามารถสร้างความประทับใจทางจิตอันทรงพลังซึ่งนำทางจิตใต้สำนึกของพวกเขาไปสู่การสร้างความจริงในแบบที่ต้องการได้
การทำสมาธิ (Meditation)
การทำสมาธิในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการนั่งทำสมาธิแบบที่พระสงฆ์หรือนักบวชศาสนาอื่นๆทำ และไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับศาสนา แต่เป็นการอยู่กับตัวเองด้วยความสงบ ท่าทางที่สบาย อยู่ในสถานที่เงียบสงบ ไม่ทำกิจกรรมไดๆ หายใจอย่างมีสติ
เป็นการมีสติอยู่กับปัจจุบัน ปรกติจะเป็นการนั่ง หรือเอนหลังในที่สงบๆคนเดียว (พยายามอย่านอนเพราะจะหลับเสียก่อน) ทำจิตใจให้สงบ ไม่คิดฟุ้งซ่าน มีจุดโฟกัสว่ากำลังคิดถึงเรื่องอะไรก็ให้คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว เช่นคิดถึงความมั่งคั่งร่ำรวยก็ให้คิดถึงความรู้สึกว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อร่ำรวยแล้ว จะทำอะไรบ้างให้ตัวเองและคนที่เรารัก จะช่วยเหลือและแบ่งปันคนอื่นอย่างไร ฯลฯ
การทำความเข้าใจวิธีการเข้าถึงจิตใต้สำนึกผ่านการทำสมาธิถือเป็นเรื่องสำคัญ ด้วยการสงบจิตใจและปล่อยให้ตัวเราเชื่อมต่อกับความคิดและความเชื่อที่อยู่ภายในสุดของเรา เราสามารถเริ่มแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้านของชีวิตของเราได้
โดยมุ่งเน้นไปที่คำยืนยันเชิงบวกและการสร้างภาพในระหว่างการทำสมาธิ เราสามารถเริ่มเปลี่ยนความคิดและความเชื่อของเราเพื่อดึงดูดความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิตของเรา
ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการทำสมาธิเพื่อพลังจิตใต้สำนึกคือความสามารถในการช่วยให้เราปลดปล่อยความเชื่อที่จำกัดและรูปแบบความคิดเชิงลบที่อาจขัดขวางไม่ให้เราบรรลุศักยภาพสูงสุดของเรา ในระหว่างการทำสมาธิให้พยายามใส่ความเชื่อลงไปในจิตใต้สำนึกว่าเราทำได้ สิ่งที่เราต้องการสามารถเป็นจริงได้ถ้าพยายามและหาทางให้เจอ
ด้วยการสงบจิตใจและปล่อยให้ตัวเองปรับเข้ากับความคิดและความปรารถนาที่อยู่ภายในสุดของเรา เราสามารถเริ่มระบุและปล่อยความเชื่อด้านลบที่อาจขัดขวางเส้นทางของเราไปสู่ความสำเร็จ เราสามารถเริ่มปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความปรารถนาของเราผ่านการฝึกสมาธิเป็นประจำ ทำให้เราดึงดูดความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิตได้อย่างง่ายดาย
การรวมการทำสมาธิเข้ากับกิจวัตรประจำวันของเราเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการสละเวลาเพื่อสงบสติอารมณ์และเชื่อมต่อกับความคิดและความเชื่อที่อยู่ภายในสุดของเรา เราสามารถเริ่มจัดจิตใต้สำนึกของเราให้สอดคล้องกับความปรารถนาและเป้าหมายของเรา
บทที่ 3: สร้างความจริงในชีวิตแบบที่ต้องการผ่านจิตใต้สำนึก
การตั้งเจตนาเพื่อความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งร่ำรวย (Intentions for Abundance) ในชีวิตเป็นแนวปฏิบัติที่ทรงพลังที่สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของจิตใต้สำนึกของคุณได้
คุณสามารถจัดแนวความคิด ความเชื่อ และการกระทำของคุณให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ด้วยการกำหนดสิ่งที่คุณต้องการดึงดูดเข้ามาในชีวิตของคุณอย่างชัดเจน กระบวนการนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วยให้คุณควบคุมพลังแห่งการสร้างสรรค์ของจิตใจเพื่อนำความปรารถนาของคุณมาสู่ความเป็นจริง
หนึ่งในหลักการสำคัญของการตั้งเจตนาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตและความมั่งคั่งร่ำรวยคือการมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณต้องการมากกว่าสิ่งที่คุณไม่ต้องการ
คุณกำลังส่งสัญญาณไปยังจิตใต้สำนึกของคุณว่าคุณพร้อมที่จะรับความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้านของชีวิตโดยการนำความสนใจและพลังงานของคุณไปสู่ผลลัพธ์เชิงบวกที่คุณต้องการ การเปลี่ยนความคิดนี้สามารถส่งผลอย่างมากต่อความสามารถในการดึงดูดความมั่งคั่งร่ำรวยและความสำเร็จ
เพื่อการตั้งเจตนาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตและความมั่งคั่งร่ำรวยที่มีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือการกำหนดเป้าหมายของคุณให้เฉพาะเจาะจงและละเอียด
ตัวอย่างเช่น แทนที่จะแค่บอกว่าคุณต้องการร่ำรวย ให้นึกภาพวิถีชีวิตที่คุณต้องการ รวมถึงประเภทของประสบการณ์ สิ่งของ และความสัมพันธ์ที่จะทำให้คุณมีความสุขและเติมเต็ม ด้วยการวาดภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นจริงในอุดมคติของคุณ คุณสามารถกระตุ้นพลังแห่งการสร้างสรรค์ของจิตใต้สำนึกของคุณเพื่อเริ่มทำงานเพื่อทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง
อีกแง่มุมหนึ่งที่สำคัญของการตั้งเจตนาเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยคือการปล่อยวางความเชื่อที่จำกัดหรือความคิดเชิงลบที่อาจฉุดรั้งคุณไว้ คุณสามารถสร้างพื้นที่ให้โอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตของคุณด้วยการยอมรับและปล่อยวางสิ่งกีดขวางทางจิตเหล่านี้
กระบวนการล้างการเขียนโปรแกรมและการปรับสภาพแบบเก่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปล่อยให้คิดเรื่องความร่ำรวยเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ทิ้งไว้โดยความเชื่อที่ล้าสมัย
เอาชนะความเชื่อที่จำกัด (Overcoming Limiting Beliefs)
เนื้อหานี้ว่าด้วยการเอาชนะความเชื่อที่จำกัด เราจะเจาะลึกพลังของจิตใต้สำนึกส่วนส่วนของการเข้าใจและเอาชนะความเชื่อที่จำกัดเป็นสิ่งสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของจิตใต้สำนึกอย่างเต็มที่
ความเชื่อที่จำกัด (Limiting Beliefs) คือ ความคิดและความเชื่อที่ฉุดรั้งเราจากการบรรลุเป้าหมายและการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดของเรา ความเชื่อเหล่านี้มักจะฝังรากลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ในอดีต การปรับสภาพทางสังคม และการสงสัยในตนเอง อย่างไรก็ตาม ด้วยการตระหนักรู้และท้าทายความเชื่อเหล่านี้ เราสามารถเริ่มเปลี่ยนความคิดและเปิดใจรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ
ตัวอย่างของความเชื่อจำกัด (limiting belief) ที่เกี่ยวกับเงินทองที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด มีดังนี้
- “เงินเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งปวง“
ความเชื่อนี้มักทำให้คนรู้สึกผิดเกี่ยวกับการมีเงินหรือการแสวงหาความมั่งคั่ง - “ฉันไม่เก่งเรื่องการจัดการเงิน“
ความเชื่อนี้อาจทำให้คนหลีกเลี่ยงการเรียนรู้เกี่ยวกับการเงินและการลงทุน - “คนรวยเท่านั้นที่จะรวยขึ้น คนจนก็จะจนลง“
ความเชื่อนี้อาจทำให้คนรู้สึกว่าไม่มีโอกาสที่จะปรับปรุงสถานะทางการเงินของตนเอง - “ต้องทำงานหนักมากๆ ถึงจะรวยได้“
แม้ว่าความขยันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความเชื่อนี้อาจทำให้คนมองข้ามโอกาสในการสร้างรายได้แบบอื่น - “เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้“
แม้จะเป็นความจริงบางส่วน แต่ความเชื่อนี้อาจทำให้คนละเลยความสำคัญของความมั่นคงทางการเงิน - “การพูดเรื่องเงินเป็นเรื่องไม่สุภาพ“
ความเชื่อนี้อาจทำให้คนหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องการเงินที่สำคัญ - “ฉันไม่สมควรจะรวย“
ความเชื่อนี้อาจทำให้คนปฏิเสธโอกาสทางการเงินที่ดี - “การมีเงินมากจะทำให้ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว“
ความเชื่อนี้อาจทำให้คนกลัวที่จะประสบความสำเร็จทางการเงิน
ความเชื่อเหล่านี้มักฝังรากลึกในจิตใต้สำนึกและสามารถส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมทางการเงินของคนได้อย่างมาก การตระหนักรู้และท้าทายความเชื่อเหล่านี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับเงินและสร้างความมั่งคั่ง
เทคนิคที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่งในการเอาชนะความเชื่อที่จำกัดคือการฝึกยืนยันเชิงบวก ด้วยการกล่าวคำพูดเชิงบวกซ้ำๆ เกี่ยวกับตัวเราและเป้าหมายของเรา เราสามารถปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราให้มุ่งเน้นไปที่ความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จที่เราต้องการ การปฏิบัตินี้ช่วยต่อต้านการพูดกับตัวเองในแง่ลบ ซึ่งมักจะตอกย้ำความเชื่อที่จำกัดและขัดขวางไม่ให้เราไปถึงศักยภาพสูงสุดของเรา
กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพอีกประการหนึ่งในการเอาชนะความเชื่อที่จำกัดคือการสร้างภาพในใจนั่นเอง เราสามารถสร้างภาพจิตที่ทรงพลังที่สอดคล้องกับจิตใต้สำนึกของเรากับความปรารถนาของเราด้วยการจินตนาการอย่างชัดเจนว่าเราบรรลุเป้าหมายและมีชีวิตที่ได้สิ่งที่ต้องการได้
การสร้างภาพช่วยสร้างความมั่นใจ เพิ่มแรงจูงใจ และเสริมสร้างความเชื่อในความสามารถของเราในการแสดงความฝันของเรา เราสามารถควบคุมพลังของจิตใต้สำนึกของเราเพื่อแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้านของชีวิตด้วยการปลูกฝังความคิดเติบโต การฝึกฝนความรักตนเองและความเห็นอกเห็นใจ และการล้อมรอบตัวเราด้วยอิทธิพลเชิงบวก
เราสามารถหลุดพ้นจากข้อจำกัดที่ฉุดรั้งเราไว้และก้าวไปสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ไม่รู้จบด้วยความทุ่มเท ความอดทน และความเต็มใจที่จะท้าทายความเชื่อของเรา
ขั้นตอนแรกในการจัดความคิดของเราให้สอดคล้องกับความปรารถนาของเราคือการกำหนดสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงอย่างชัดเจน หรือพูดง่ายๆคือ ต้องรู้ให้ได้ว่าเราต้องการอะไร หรือเป้าหมายคืออะไร ซึ่งต้องอาศัยการพิจารณาตนเองอย่างลึกซึ้งและเข้าใจความปรารถนาและเป้าหมายที่อยู่ในใจของเรา
เราสามารถเริ่มจดจ่อกับความคิดและพลังงานของเราไปที่การแสดงให้เป็นจริงด้วยการกำหนดความปรารถนาของเราอย่างชัดเจน คุณต้องบอกตัวเองให้ได้ว่าคุณต้องการอะไร ถ้าเป็นเงินต้องการจำนวนเท่าไหร่ภายในวันไหนปีไหน ถ้าเป็นบ้านคุณต้องสามารถบอกได้ว่าเป็นบ้านแบบไหน รูปทรงแบบไหน สีอะไร ข้างในมีลักษณะเป็นอย่างไร มีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ พื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นแบบไหน ห้องครัวมีลักษณะอย่างไหร ถ้าเป็นรถรถยี่ห้ออะไร รุ่นอะไรสีอะไร เป็นต้น
ความมชัดเจนของวิสัยทัศน์นี้เป็นสิ่งจำเป็นในการควบคุมพลังของจิตใต้สำนึกของเราเพื่อทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริง
เมื่อเรากำหนดความปรารถนาของเราแล้ว เราต้องเริ่มปลูกฝังความคิดเชิงบวกที่สอดคล้องกับเป้าหมายของเรา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแทนที่ความคิดเชิงลบและความเชื่อที่จำกัดด้วยคำยืนยันเชิงบวกและการสร้างภาพที่สนับสนุนความปรารถนาของเรา เราสามารถเริ่มปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราเพื่อดึงดูดความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิตของเราด้วยการเลือกที่จะจดจ่อกับความคิดที่สอดคล้องกับความปรารถนาของเราอย่างมีสติ
อีกแง่มุมหนึ่งที่สำคัญของการจัดความคิดของเราให้สอดคล้องกับความปรารถนาของเราคือการฝึกฝนความกตัญญู หรือเราเรียกอีกคำว่าการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ (Gratitude) ในชีวิตประจำวัน ด้วยการแสดงความยินดีต่อสิ่งที่มีอยู่แล้วในชีวิตของเรา ไม่ไปโฟกัสในสิ่งที่เราไม่มี
เราสามารถดึงดูดความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นในประสบการณ์ของเรา ความยินดีกับสิ่งที่ได้รับเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถช่วยให้เราเปลี่ยนโฟกัสจากการขาดแคลนไปสู่ความอุดมสมบูรณ์ และสร้างการสั่นสะเทือนพลังงานเชิงบวกที่จะดึงดูดสิ่งที่เราต้องการมาหาเรามากขึ้น
บทที่ 4: การปลูกฝังความคิดแห่งความอุดมสมบูรณ์
ความอุดมสมบูรณ์ หรือ Abundance หมายถึงการไม่ขาดแคลน ซึ่งรวมไปถึงการไม่ขาดแคลนทรัพยากร ไม่ขาดแคลนเงินทอง ไม่ขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
การยินดีกับสิ่งที่ได้รับ (Gratitude)
ในเนื้อหาส่วนนี้เราจะเจาะลึกถึงความเชื่อมโยงอันทรงพลังระหว่างการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ (Gratitude) และความอุดมสมบูรณ์ (Abundance) การทำความเข้าใจความสัมพันธ์นี้สามารถปลดล็อกศักยภาพของจิตใต้สำนึกในการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้านของชีวิต
การยินดีกับสิ่งที่ได้รับเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่มีพลังในการเปลี่ยนความคิดของเราจากการขาดแคลนไปสู่ความอุดมสมบูรณ์ เมื่อเราแสดงความขอบคุณต่อสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว เราจะส่งสัญญาณอันทรงพลังไปยังจักรวาลว่าเราเปิดรับที่จะรับสิ่งต่างๆเพิ่มเติม
การแสดงความขอบคุณง่ายๆ นี้จะเปิดประตูสู่ความอุดมสมบูรณ์และช่วยให้เราดึงดูดสิ่งที่เราต้องการเข้ามาในชีวิตของเรามากขึ้น
หากคุณลองพิจารณาตรงนี้จะเห็นว่าแนวคิดนี้จะพ้องกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ว่า “จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่” นั่นก็คือสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วถ้ายินดีกับสิ่งที่มีสิ่งๆนั้นในปริมาณที่มากกว่าก็จะเข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ หรือแม้แต่ในพระคำภีร์ไบเบิลก็มีคำว่า gratitude ปรากฏอยู่ทั้งหมดรวมกันถึง 157 ครั้ง
ในแวดวงของพลังจิตใต้สำนึก การยินดีกับสิ่งที่ได้รับทำหน้าที่เป็นเครื่องขยายเสียงอันทรงพลังสำหรับการแสดงออกของเรา เราจะเพิ่มความถี่ในการสั่นสะเทือนของเราและปรับตัวเราให้เข้ากับพลังงานแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วยการมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เราสำนึกขอบคุณ
การจัดตำแหน่งนี้จะสร้างสนามแม่เหล็กที่ดึงดูดความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิตของเรามากขึ้น สร้างวงจรป้อนกลับเชิงบวกของการยินดีกับสิ่งที่ได้รับและความอุดมสมบูรณ์
การปลูกฝังการฝึกการยินดีกับสิ่งที่ได้รับทุกวันเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งนี้อาจง่ายพอๆ กับการเขียนบันทึกความยินดีกับสิ่งที่ได้รับ ซึ่งคุณเขียนสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณสามอย่างในแต่ละวัน การปฏิบัตินี้ไม่เพียงแต่ช่วยปรับโปรแกรมจิตใต้สำนึกของคุณเพื่อความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนโฟกัสของคุณจากการขาดแคลนและความขาดแคลนไปสู่ความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย
กฎแห่งแรงดึงดูด (The Law of Attraction)
เราจะสำรวจความเชื่อมโยงอันทรงพลังระหว่างกฎแห่งแรงดึงดูดและจิตใต้สำนึก กฎแห่งแรงดึงดูดระบุว่าสิ่งที่คล้ายกันจะดึงดูดกัน หมายความว่าความคิดและความรู้สึกในเชิงบวกหรือเชิงลบจะนำมาซึ่งผลลัพธ์เชิงบวกหรือเชิงลบที่สอดคล้องกัน กฎสากลนี้เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับการทำงานของจิตใต้สำนึก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตของเรา
จิตใต้สำนึกของเราเปรียบเสมือนแม่เหล็กอันทรงพลังที่ดึงดูดและสร้างความเป็นจริงของเราโดยอิงจากความคิด ความเชื่อ และอารมณ์ของเรา เมื่อเราจัดความคิดที่ใส่ใจของเราให้สอดคล้องกับความเชื่อในจิตใต้สำนึกของเรา
เราจะควบคุมศักยภาพของกฎแห่งแรงดึงดูดเพื่อแสดงความปรารถนาของเราได้อย่างเต็มที่ ด้วยการโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราด้วยคำยืนยันเชิงบวกและการสร้างภาพ เราสามารถเอาชนะความเชื่อที่จำกัดและดึงดูดความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิตของเรา
เราสามารถเปลี่ยนความถี่ในการสั่นสะเทือนของเราเพื่อให้สอดคล้องกับพลังงานแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วยการปลูกฝังความคิดเชิงบวกและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เราต้องการมากกว่าสิ่งที่เราขาด การเปลี่ยนแปลงในจิตสำนึกนี้ช่วยให้เราสามารถดึงดูดโอกาส ทรัพยากร และประสบการณ์ที่สนับสนุนเป้าหมายและแรงบันดาลใจของเรา
หนึ่งในหลักการสำคัญของกฎแห่งแรงดึงดูดคือแนวคิดเรื่องการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ เมื่อเราแสดงความขอบคุณต่อสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในชีวิตของเรา เราจะส่งสัญญาณไปยังจักรวาลว่าเราเปิดรับที่จะรับมากขึ้น ด้วยการฝึกการยินดีกับสิ่งที่ได้รับทุกวันและตระหนักถึงพรที่อยู่รอบตัวเรา เราจะเพิ่มการสั่นสะเทือนของเราและดึงดูดความอุดมสมบูรณ์ที่มากขึ้นเข้ามาในชีวิตของเรา
การฝึกฝนที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้สามารถเปลี่ยนความคิดของเราและสร้างเวทีสำหรับความเจริญรุ่งเรืองที่ไม่จำกัดได้
โดยสรุป กฎแห่งแรงดึงดูดและจิตใต้สำนึกเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้านของชีวิตเรา ด้วยการทำความเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างสองหลักการนี้และมีส่วนร่วมกับพวกเขาอย่างแข็งขันผ่านความคิด ความเชื่อ และอารมณ์เชิงบวก
เราสามารถสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง ความสุข และความสำเร็จ ในฐานะผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตและนักคิดสร้างสรรค์ ให้เราใช้พลังของจิตใต้สำนึกเพื่อไขความลับแห่งความอุดมสมบูรณ์และสร้างชีวิตในฝันของเรา
กระดานเป้าหมาย (Vision Board)
การสร้าง Vision Board เพื่อแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ การสร้าง Vision Board เพื่อแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของจิตใต้สำนึกของคุณ
คุณสามารถตั้งโปรแกรมจิตใจของคุณให้ดึงดูดความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาในชีวิตของคุณด้วยการสร้างภาพเป้าหมายและความปรารถนาของคุณ เราจะกล่าวถึงกระบวนการสร้างบอร์ดวิชั่นและวิธีที่มันสามารถช่วยให้คุณแสดงความฝันของคุณ
เริ่มต้นด้วยการรวบรวมวัสดุต่างๆ เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ รูปภาพ และคำคมที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแรงบันดาลใจของคุณ ใช้เวลาสักครู่เพื่อไตร่ตรองว่าความมั่งคั่งร่ำรวยมีความหมายต่อคุณอย่างไร และคุณต้องการแสดงออกถึงอะไรในชีวิตของคุณ เช่นความมั่งคั่งทางการเงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์ หรือการเติบโตส่วนบุคคล เมื่อคุณมีความชัดเจนเกี่ยวกับความปรารถนาของคุณแล้ว ให้เริ่มตัดภาพและคำที่เป็นตัวแทนของความปรารถนาเหล่านั้น
จากนั้น หากระดานโปสเตอร์หรือกระดานไม้ก๊อกขนาดใหญ่เพื่อสร้างกระดานวิชั่นของคุณ จัดเรียงรูปภาพและคำในลักษณะที่สร้างแรงบันดาลใจและสร้างแรงจูงใจให้กับคุณ คุณยังสามารถเพิ่มสัมผัสส่วนตัว เช่น ภาพวาด คำยืนยันเชิงบวก หรือสัญลักษณ์ที่มีความหมายพิเศษสำหรับคุณ กุญแจสำคัญคือการทำให้กระดานวิชั่นของคุณสะท้อนถึงความปรารถนาและความตั้งใจที่ลึกที่สุดของคุณ
ในขณะที่คุณทำงานบนกระดานวิชั่นของคุณ ให้ใช้เวลาในการจินตนาการว่าคุณกำลังใช้ชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ตามที่คุณต้องการ หลับตาแล้วดื่มด่ำไปกับอารมณ์แห่งความสุข การยินดีกับสิ่งที่ได้รับ และความสำเร็จที่มาพร้อมกับการบรรลุเป้าหมายของคุณ คุณกำลังหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จในจิตสำนึกของคุณด้วยการมีส่วนร่วมกับจิตใต้สำนึกของคุณในกระบวนการสร้างสรรค์นี้
เมื่อกระดานวิชั่นของคุณเสร็จสมบูรณ์ ให้วางไว้ในตำแหน่งที่โดดเด่นซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้ทุกวัน ใช้เวลาสัก 2-3 นาทีในแต่ละเช้าและเย็นโดยเน้นที่กระดานวิชั่นของคุณและยืนยันเป้าหมายของคุณอีกครั้ง
เชื่อมั่นในพลังของจิตใต้สำนึกของคุณที่จะแสดงความปรารถนาของคุณและเชื่อว่าความอุดมสมบูรณ์กำลังมาถึงคุณแล้ว ด้วยความทุ่มเท ความอดทน และศรัทธาคุณสามารถใช้พลังของจิตใต้สำนึกเพื่อสร้างชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ที่คุณคู่ควรอย่างแท้จริง
บทที่ 5: สรุป
เมื่อเราเดินทางมาถึงบทสรุปกันแล้ว ขอให้คุณไตร่ตรองบทเรียนอันมีค่าที่เราได้เรียนรู้ พลังของจิตใต้สำนึกนั้นไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง และเมื่อควบคุมได้อย่างถูกต้อง มันสามารถนำเราไปสู่ความอุดมสมบูรณ์เกินกว่าความฝันอันยิ่งใหญ่ของเรา ด้วยการเข้าใจพลังแห่งความคิดและความเชื่อของเรา เราสามารถเริ่มปรับเปลี่ยนความเป็นจริงของเราและดึงดูดความอุดมสมบูรณ์ที่เราต้องการได้
หนึ่งในข้อคิดสำคัญจากการสำรวจพลังจิตใต้สำนึกของเราคือ ความเชื่อและความตั้งใจ ความเชื่อของเรากำหนดความเป็นจริงของเรา เราสามารถเริ่มแสดงความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้านของชีวิตของเราได้ด้วยการโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราด้วยความเชื่อและความตั้งใจเชิงบวก
สิ่งสำคัญสำหรับผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตคือต้องเข้าใจว่าความคิดของเรามีพลังในการสร้างความเป็นจริงของเรา และด้วยการปลูกฝังความคิดแห่งความอุดมสมบูรณ์ เราสามารถดึงดูดความมั่งคั่ง ความสำเร็จ และความสุขได้
อีกบทเรียนที่สำคัญที่ต้องจำไว้คือพลังแห่งการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ (Gratitude) ในการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ การยินดีกับสิ่งที่ได้รับเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถช่วยให้เราจัดความคิดและอารมณ์ของเราให้สอดคล้องกับความอุดมสมบูรณ์ที่เราต้องการดึงดูด
เราจะส่งสัญญาณไปยังจักรวาลว่าเราพร้อมที่จะรับความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วยการแสดงความขอบคุณสำหรับสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว
สรุปแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องสำรวจความลึกของพลังจิตใต้สำนึกและความสามารถในการแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ต่อไป ด้วยการเข้าใจพลังแห่งความคิด ความเชื่อ และความตั้งใจของเรา เราสามารถเริ่มปรับเปลี่ยนความเป็นจริงของเราและสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่ง
ความสำเร็จ และความสุข ความอุดมสมบูรณ์รอคอยผู้ที่เต็มใจที่จะใช้พลังของจิตใต้สำนึกที่ไร้ขีดจำกัดและเชื่อในความเป็นไปได้ไม่รู้จบที่รออยู่ข้างหน้า