เนื้อหานี้นำเสนอโดย สจ๊วต ลิชท์แมน ซึ่งเป็นเป็นผู้บริหารระดับสูง ผู้ประกอบการ นักวิจัย ที่ปรึกษา ผู้ฝึกอบรม และโค้ช เขาเป็นผู้พัฒนาระบบการสลับเปลี่ยนทางไซเบอร์เนติกส์และระบบความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ รวมถึงโปรแกรมโค้ชทางการเงิน
อยากให้คุณลองเอ่ยสิ่งที่คุณต้องการ มันอาจจะเป็นป้าหมายทางการเงิน ยอดขายที่ตั้งไว้ บ้านใหม่ รถใหม่ ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น น้ำหนักที่ลดลง หรืออะไรก็ได้ มันขึ้นอยู่กับคุณทั้งหมด
เนื่องจากเนื้อหานี้เกี่ยวกับเงิน ลองคิดถึงเป้าหมายทางการเงินของคุณ คุณกำลังมองหาเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่กันแน่? หนึ่งพันบาท? หนึ่งแสนบาท? หนึ่งล้านบาท? หรือหนึ่งร้อยล้านบาท
ตอนนี้มีคำถามที่จะถามตรงๆ: ทำไมคุณยังไม่ได้มันล่ะ?
ทำไมคุณยังไม่มีรูปร่างที่ผอมลง หรือมีงานใหม่ หรือเงินที่มากขึ้น หรืออะไรก็ตามที่คุณบอกว่าคุณต้องการ? ทำไมล่ะ?
ตอนนี้มีอะไรที่น่าตกใจบางอย่าง: ความผิดไม่ได้อยู่ที่เศรษฐกิจ พ่อแม่ของคุณ คู่สมรสของคุณ เพื่อนบ้านของคุณ นักการเมือง นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี หรือใครหรืออะไรก็ตามที่อยู่นอกตัวคุณ
มีคำตอบเดียวสำหรับคำถามที่ว่า “ทำไมคุณยังไม่ได้มันล่ะ?” และคุณจะรู้ว่ามันคืออะไรในอีกสักครู่
- คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคนจำนวนมากถึงมีปัญหามากมายในการได้สิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ
- คุณเคยคิดบ้างไหมว่าอาจจะมีวิธีที่ง่ายกว่าในการใช้ชีวิต
- คุณเคยรู้สึกไหมว่าชีวิตมันเป็นการต่อสู้ที่มากเกินไป
- พวกเราส่วนใหญ่เคยรู้สึกแบบนั้น ในบางครั้งหรือบางคราว เพียงแค่รู้สึกว่าชีวิตมันเป็นความเจ็บปวดอย่างมาก
แต่ความจริงที่ยากที่จะเข้าใจคือ ชีวิตไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น
อะไรคือความลับในการทำให้ชีวิตมีความสุข? อะไรคือความลับในการสร้างเงินให้มากขึ้นในตอนนี้? และอะไรคือคำตอบว่าทำไมคุณยังไม่บรรลุเป้าหมายของคุณ?
มันอยู่ในใจของคุณเอง
ไม่หรอก มันไม่ได้อยู่ในความคิดของคุณ ไม่ใช่ในจิตสำนึกของคุณ อุปสรรคมันอยู่ลึกลงไปกว่านั้น มันอยู่ในที่ที่คุณไม่ค่อยมอง มันอยู่ในจิตใต้สำนึกของคุณ
กล่าวโดยสรุป ถ้ามีบางสิ่งที่คุณพยายามจะบรรลุ – ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม – และคุณยังไม่บรรลุมัน โอกาสที่จิตใต้สำนึกของคุณจะมีเจตนาที่ขัดแย้งกันสำหรับคุณ
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ “คุณต้องการบางสิ่ง แต่จิตใต้สำนึกของคุณไม่ต้องการด้วย“
ถ้าคุณเป็นคนทั่วไป คุณจะให้คำสั่งที่ขัดแย้งกันกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา – เช่น “ฉันอยากลดน้ำหนัก” และ “ฉันอยากกินพายชิ้นนั้นที่น่าอร่อย” สังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับพวกเขาไหม?
ข้อความเหล่านั้นกำลังไปในทิศทางที่ต่างกัน หลังจากหลายปีของข้อความที่น่าหงุดหงิดและขัดแย้งกันเช่นนี้ จิตใต้สำนึกของคุณก็ยอมแพ้และเริ่มไม่สนใจสิ่งที่คุณต้องการอย่างมีสติ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณยกเลิกคำขอของคุณเอง คุณพูดว่า “ฉันต้องการเงิน” แต่หลังจากนั้นคุณก็พูด (หรือคิด) ว่า “ฉันไม่สมควรได้รับมัน” หรือ “เงินไม่เคยมาหาฉัน” หรือความเชื่อที่จำกัดอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ผลก็คือ คุณมักจะไม่ได้สิ่งที่คุณบอกว่าคุณต้องการ!
แต่มีข่าวดีสำหรับคุณ ทั้งหมดนั้นกำลังจะจบลง
ขอแนะนำ การสลับเปลี่ยนทางไซเบอร์เนติกส์ (Cybernetic Transposition)
คำนิยามของ “การสลับเปลี่ยนทางไซเบอร์เนติกส์” คือ
การทำให้ตัวคุณเองมีอำนาจควบคุมอย่างมีสติโดยการสร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของคุณ โดยการสลับเปลี่ยนความสำเร็จจากส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตของคุณไปสู่อีกส่วนหนึ่งที่คุณต้องการสร้างความสำเร็จอย่างมีสติ แก้ไขรูปแบบนิสัยจิตใต้สำนึกที่ทำลายตัวเองให้กลายเป็นรูปแบบที่สนับสนุนคุณ และโดยการสร้างการสื่อสารที่มีสติที่มีประสิทธิภาพกับส่วนหนึ่งของคุณที่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับคุณ
สองคำที่ประกอบกันเป็นคำนี้มาจากไหน?
ไซเบอร์เนติกส์เป็นคำที่สร้างขึ้นโดย Norbert Wiener ผู้ชาญฉลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาศาสตร์นี้ขึ้นมา และเป็นคนที่ผมเคยเห็นเดินไปมาในห้องโถงของ MIT ไซเบอร์เนติกส์มาจากคำภาษากรีกที่แปลว่า “คนบังคับหางเสือ” หรือคนที่ควบคุม
ในความเป็นจริง จิตใต้สำนึกของเราทำหน้าที่เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีพลังมหาศาลและทำงานขนานกันอย่างมหาศาล ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กประมาณ 100 พันล้านเครื่องที่เรียกว่าเซลล์ประสาท
โดยปกติแล้วจิตสำนึกของเรามักจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของจิตใต้สำนึกของเรา ผมจะสอนคุณให้เปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น เพื่อนำจิตสำนึกของคุณเข้ามาในวงจร เพื่อให้มันกลายเป็นผู้บังคับหางเสือในแง่หนึ่ง
ดังนั้น ส่วนแรกของคำจำกัดความคือการช่วยให้ผู้คนเป็นมนุษย์มากขึ้น แทนที่จะทำตัวเหมือนเครื่องจักรที่ทำงานเกือบทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว นอกเหนือการควบคุมของจิตสำนึก
การสลับเปลี่ยนถูกกำหนดให้เป็นกระบวนการของการแลกเปลี่ยน ในกรณีของเรา เรากำลังนำความทรงจำของความสำเร็จในด้านหนึ่งของชีวิต หรือในด้านเดียวกันในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในชีวิต และสลับเปลี่ยนมันเพื่อสร้างความสำเร็จในด้านและ/หรือเวลาที่แตกต่างกัน
ตอนนี้คุณได้รับการแนะนำให้รู้จักกับชื่อของกระบวนการแล้ว เรามาดูกันว่าจะใช้มันเพื่อทำให้ความฝันสูงสุดของคุณเป็นจริงได้อย่างไร
พร้อมหรือยัง?
3 ขั้นตอนสู่การมีเงินสดที่มากขึ้น
คุณกำลังจะได้เรียนรู้ว่ากระบวนการสามขั้นตอนที่ผ่านการทดลองและทดสอบแล้วสามารถเปลี่ยนแปลงโลกของคุณและนำความมั่งคั่งทั้งหมดที่คุณเคยจินตนาการมาให้คุณได้ Stuart Lichtman ได้พิสูจน์แล้วผ่านการอบรมสัมนาของเขาว่าวิธีนี้ได้ผลโดยการทดสอบกับคน 50,000 คน ตอนนี้คุณจะได้พิสูจน์ว่ามันจะได้ผลสำหรับคุณ
ก่อนอื่น ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับสามขั้นตอนพื้นฐาน:
1. สร้างเป้าหมาย
เป้าหมายที่กำหนดสิ่งที่คุณต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกแง่มุมของจิตใต้สำนึกของคุณเข้าใจอย่างชัดเจน
ลองนึกถึงเป้าวงกลมของการยิงธนูที่มีวงกลมศูนย์กลางล้อมรอบด้วยวงกลมสีแดงตรงกลาง จิตใต้สำนึกของคุณต้องการบางสิ่งที่ชัดเจนเหมือนวงกลมนั้น เป้าหมายที่บ่งบอกว่าคุณต้องการอะไร
2. จัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายของคุณ
ทำเครื่องหมายเพื่อให้คุณยังคงมุ่งเน้นไปที่มันโดยไม่รู้ตัวในขณะที่คุณทำกิจกรรมปกติของคุณต่อไป ลองนึกภาพฝูงชนจำนวนมาก ทุกคนแต่งตัวเหมือนกันในชุดสีเทา ตอนนี้ลองนึกภาพหนึ่งในนั้นถือเป้าวงกลมที่มีกราฟิกสูงของคุณพร้อมกับศูนย์กลางสีแดงสดใส
โอกาสที่เป้าหมายนั้นจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาของคุณ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใต้สำนึกของคุณเมื่อคุณจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายอย่างเหมาะสม
3. แก้ไขรูปแบบนิสัยจิตใต้สำนึกที่ทำลายตัวเอง
การปล่อยให้จิตใต้สำนึกทำในสิ่งซ้ำๆจนเป็นนิสัย นิสัยนั้นก็จะรูปแบบซึ่งสามารถขัดขวางไม่ให้คุณบรรลุเป้าหมายของคุณ นิสัยจิตใต้สำนึกของคุณจะควบคุมสิ่งที่คุณทำตามปกติแบบที่คุณไม่รู้ตัว
คนเราใช้ชีวิตแบบทำหลายสิ่งหลายอย่างโดยอัตโนมัติที่เรียกว่านิสัยของจิตใต้สำนึก และการที่เราทำอะไรแบบอัตโนมัตินี่แหละจะไปขัดขวางเราไม่ให้ไปถึงจุดหมายแบบไม่รู้ตัวเพราะจิตใต้สำนึกจะรักษาสถาพและสิ่งที่เราเป็นให้อยู่เหมือนเดิม ไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นได้ง่ายๆเพราะจิตใต้สำนึดมักจะมองว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นภัยคุกคามในชีวิต
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนส่วนใหญ่มีกลไกจิตใต้สำนึกที่ทำลายความปรารถนาของพวกเขาที่จะไปถึงเป้าหมายเมื่อคุณล้างสิ่งเหล่านั้นออกไป คุณก็จะมีอิสระที่จะเข้าถึงเป้าหมายได้
วิธีการแก้ไขนิสัยของจิตใต้สำนึกที่ขัดขวางเราไม่ให้บรรลุเป้าหมายจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอแล้วคุณจะสามารขจัดนิสัยของจิตใต้สำนึกที่คอยขัดขวางไม่ให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างถาวร
แต่คุณต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- กลับไปที่ขั้นตอนที่ 1 อีกครั้ง นั่นก็คือสร้างเป้าหมาย มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณต้องการอย่างมีสติโดยการเขียนคำอธิบาย ซึ่งจะเป็นการกำหนดเจตนาของคุณอย่างชัดเจน
- ในขณะที่คุณกำลังคิดถึงสิ่งที่คุณต้องการ ให้ตื่นตัวต่อความรู้สึกไม่สบายใด ๆ หากคุณพบเจอความรู้สึกเหล่านั้น นั่นคือการระบุสัญญาณของความขัดแย้งอย่างชัดเจน
- อ่านทบทวนเป้าหมายที่คุณเขียนอีกครั้ง เพื่อระบุคำหรือวลีเฉพาะที่กระตุ้นสัญญาณของความขัดแย้งเหล่านี้
ตัวอย่างเช่น เป้าหมายของคุณเขียนว่า มีเงินสด 10 ล้านบาท เมื่อคุณอ่านแล้วคุณสะดุดเพราะรู้สึกว่า 10 ล้านบาทมันมากเกินไปที่จะหาได้ - ทำเครื่องหมายคำหรือวลีที่ทำให้เกิดความรู้สึกเหล่านั้น นี่คือการระบุสิ่งที่กระตุ้นความขัดแย้งอย่างชัดเจน
จากตัวอย่างข้างต้น ดังนั้นวลีที่กระตุ้นความขัดแย้งคือ มีเงินสด 10 ล้านบาท - เขียนคำหรือวลีที่คุณทำเครื่องหมายใหม่ ซึ่งจะบอกจิตใต้สำนึกของคุณว่าคุณรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง ในขณะที่คุณทำงาน ให้ขอให้จิตใต้สำนึกของคุณหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ยอมรับได้มากขึ้น เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างสิ่งที่คุณต้องการอย่างมีสติและรูปแบบนิสัยจิตใต้สำนึกของคุณ
จากตัวอย่างข้างต้น คุณสะดุดตรงคำว่าเงินสด 10 ล้านบาท สาเหตุเพราะคิดว่ามันมากเกินไปที่จะหาได้ คุณคิดว่าตัวคุณเองอาจจะไม่มีศักยภาพจะหาได้แบบนั้น (ทั้งๆที่ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น) คุณก็สามารถขจัดความขัดแย้งในใจนี้ได้โดยการลดเป้าหมายจากก้อนใหญ่ทีเดียวจาก 10 ล้านให้เหลือ 1 ล้านก่อนซึ่งจะมีต่อต้านภายในใจน้อยกว่า หรือไม่ก็ยังคงรักษาเป้าหมาย 10 ล้านไว้ แต่เปลี่ยนวลีของเป้าหมายใหม่ให้จิตใต้สำนึกไม่ต่อต้าน เช่นบอกว่าเป็นเป้าหมายเงินสะสมไปเรื่อยๆจนถึง 10 ล้าน ภายในวันที่ XX เดือน XX ปี XX หรือไม่ก็เขียนบรรยายศักยภาพของคุณให้ละเอียดว่าทำไมคุณถึงสามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆในตอนแรกๆความขัดแย้งยังจะคงมีอยู่แต่เมื่อทำเป็นประจำและเมื่อคุณถึงจุดที่ทั้งความต้องการของจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของคุณได้รับการตอบสนอง สัญญาณของความขัดแย้งก็จะหายไป
ความจริงก็คือ
คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อว่าสิ่งนี้จะได้ผล คุณอาจจะมีข้อสงสัย คุณอาจจะอยากได้เงินจำนวนมากอย่างรวดเร็ว แต่ก็สงสัยอย่างมากว่าวิธีนี้จะได้ผลสำหรับคุณหรือไม่ Stuart Lichtman ได้สอนสัมมนาของเขาให้กับคน 50,000 คน แม้แต่คนที่ไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะได้ผลก็ยังได้รับผลลัพธ์
ถ้าคุณมีเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายไดๆ คุณสามารถใช้สามขั้นตอนพื้นฐานที่ได้กล่าวมาแล้วเพื่อบรรลุมันได้
ผลลัพธ์ของคุณกำลังรอคุณอยู่!