เริ่มต้นมาคุณคงมีความสงสัยว่า อะไรกันนี่ฉันไม่ได้อยากมาเรียนรู้เรื่อง ควอนตัม หรือ สูตรพิศดารๆที่มีแต่นักวิทยาศาสตร์เพี้ยนๆเท่านี้ที่เข้าใจ ฉันต้องการทางหานทางไปสู่ความร่ำรวย
แต่เดี๋ยวก่อนเรากำลังจะไปถึงจุดนั้นแน่นอน ก่อนอื่นเรามาปูพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์กันก่อน เพราะคุณเองคงไม่อยากจะคิดว่าการสร้างความร่ำรวยโดยเริ่มจากภายในนั้นเป็นเรื่องเหลวไหล เรื่องไสยศาสตร์ลี้ลับ หรืออะไรที่งมงายที่หาหลักการทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนไม่ได้ คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจทั้งหมดหรอก เว็บ sedtee.com เราเองก็เช่นกันไม่ได้เข้าใจทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์นี้หรอก ขอให้รู้ที่มาที่ไปปและหลักอ้างอิงก็พอ หลังจากนั้นคุณก็กระโดดไปเนื้อหาการประยุคต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย
งั้นเรามาต่อกันเลย
คุณเคยตั้งคำถามถึงธรรมชาติของความเป็นจริงหรือไม่ ว่าความจริงของจักรวาลมันคืออะไร? แนวคิดเรื่องกลศาสตร์ควอนตัม (Quantum Mechanics) ชวนให้คุณสนใจแค่ไหน? แล้วมันจะช่วยคุณเรื่องสร้างความร่ำรวยได้อย่างไร
คำว่า “ความจริง” เป็นแนวคิดที่ลึกซึ้งและลึกลับพอๆ กัน และเมื่อเราพูดถึงเรื่องกลศาสตร์ควอนตัมเข้า ความเป็นจริงยิ่งทวีความน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อเราพูดถึงเรื่อง ฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์ (Schrodinger’s Wave Function) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจจักรวาลเรา ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์นี้ทำให้เราสามารถศึกษาความเป็นไปได้ของอนุภาคควอนตัม รวมถึงความเป็นจริงต่างๆ ที่อนุภาคเหล่านี้จะสร้างขึ้นได้
วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่อง ฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์ ดูกันว่ามันมีอิทธิพลต่อการสร้างความเป็นจริง (reality) ของเราขนาดไหน
ฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์ (Schrodinger’s Wave Function)
ฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์ (Schrodinger’s Wave Function) เป็นแนวคิดสำคัญในกลศาสตร์ควอนตัมที่ท้าทายความเข้าใจของเราเรื่องความจริง ลองนึกภาพว่ามันเป็นเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ คล้ายๆ กับ GPS ของอนุภาคในระดับควอนตัม
ฟังก์ชันคลื่นนี้ซึ่งเขียนแทนด้วยอักษรกรีก ไซ (SII) ไม่ได้บอกเราถึงตำแหน่งที่ชัดเจนของอนุภาคแต่อย่างใด แต่ให้กลุ่มของค่าความน่าจะเป็น (Cloud of Possibilities) ซึ่งเป็นพื้นที่หลายๆที่ๆอนุภาคจะไปปรากฏตัวได้
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเล่นซ่อนหากับเพื่อนอยู่ ฟังก์ชันคลื่นนี้เหมือนกับคำใบ้ที่เพื่อนคุณให้คุณว่า “คนซ่อนอาจจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ในสวนหลังบ้าน ” ซึ่งก็คือกลุ่มของค่าความน่าจะเป็น (Cloud of possibilities) ของคุณ คุณไม่รู้จริงๆหรอกว่าเพื่อนคุณซ่อนอยู่ตรงจุดไหน แต่คุณรู้แน่ๆว่าต้องอยู่ที่ไหนซักที่ในสวนหลังบ้าน
ทีนี้ สิ่งที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับฟังก์ชันคลื่นนี้ก็คือ มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสมการของ ชเรอดิงเงอร์ (Schrodinger’s Equation) หมายความว่ากลุ่มของค่าความน่าจะเป็นของเราก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
เหมือนกับเวลาที่คนซ่อนในการเล่นซ่อนหาของคุณขยับเปลี่ยนที่ไปมานั่นเอง แถมฟังก์ชันคลื่นนี้ยังก่อคลื่นแทรกสอดกับตัวมันเองได้ด้วย สร้างพื้นที่ที่มีค่าความเป็นไปได้สูง และต่ำ เหมือนกับมีคนมาบอกคุณว่า “คนซ่อนชอบพุ่มกุหลาบ ไปดูแถวนั้นก่อนนะ” นั่นแหละคือพื้นที่ที่มีค่าความเป็นไปได้สูงสุด
แต่ต้องจำไว้ว่าจนกว่าคุณจะหาคนซ่อนเจอจริงๆ หรือในทางกลศาสตร์ควอนตัม จนกว่าคุณจะทำการ “วัดผล” (Make a Measurement) ทุกอย่างรอบตัวคุณจะอยู่ในสถานะซ้อนทับ (Superposition) มีความเป็นไปได้ทุกอย่างอยู่ด้วยกัน สรุปแล้ว ฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์ทำให้เราสามารถคาดการณ์ค่าความน่าจะเป็นของสภาวะของระบบควอนตัม ณ ช่วงเวลาหนึ่งได้ ตอนนี้คุณอาจจะ
คุณอาจจะกำลังคิดอยู่ว่า เรื่องนี้มันใช้ได้ยังไงกับกับโลกแห่งความเป็นจริงของเรา แนวคิดเรื่องความเป็นจริง (Reality) ถ้าเราอิงตาม ฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์นั้น น่าสนใจมากๆ มันบอกเป็นนัยว่า
ความจริงของเราไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่นิ่งคงเดิม แต่เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนรูปอยู่ตลอดเวลา ได้รับอิทธิพลจากการรับรู้และปฏิกิริยาโต้ตอบของเราอยู่ตลอดเวลา แนวคิดนี้อาจจะดูกำกวมนิดนึง แต่มันคือรากฐานสำคัญของกลศาสตร์ควอนตัม และเป็นกุญแจไขความเข้าใจที่เรามีต่อจักรวาลเราด้วย
ลองมาแบ่งย่อยเรื่องนี้ออกเป็นส่วนๆ กันดีกว่า ในโลกควอนตัม อนุภาคจะอยู่ในสภาวะซ้อนทับ (Superposition) หมายความว่ามันมีสภาวะแบบต่างๆ อยู่พร้อมๆ กัน แต่อนุภาคจะกลับมามีสภาวะเดียวทันทีเมื่อถูกรบกวนการสังเกต นี่แหละคือหัวใจสำคัญของ ฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์
ทีนี้ ถ้าเรานำแนวคิดนี้มาใช้กับความจริงในชีวิตประจำวันบ้างล่ะ?
ลองจินตนาการว่าชีวิตคุณเป็นฟังก์ชันคลื่น เป็นสภาวะซ้อนทับ (Superposition) ของความจริงต่างๆ ที่เป็นไปได้ ทุกการเลือก ทุกความคิด ทุกปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ล้วนแต่คล้ายๆ กับการรบกวนการสังเกต ปฏิกิริยาเหล่านี้คือตัวแปรที่ทำให้ฟังก์ชันคลื่นในชีวิตคุณยุบตัวลง
กลายเป็นความเป็นจริงที่คุณกำลังสัมผัสอยู่นี้ โดยนัยแล้ว การรับรู้ของเรามีบทบาทสำคัญมากในการสร้างโลกความจริงส่วนตัวของเรา เมื่อเรารับรู้โลกด้วยความรู้สึกแบบไหน เราก็จะยุบฟังก์ชันคลื่นให้กลายเป็นความจริงที่ตรงกับการรับรู้นั้น
ถ้าเรารับรู้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยโอกาส เราก็จะเจอโอกาส ถ้าเรามองว่าโลกเต็มไปด้วยอุปสรรค นั่นก็จะกลายเป็นความจริงของเรา ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถอธิษฐานขอเงินล้านได้นะคะ แต่บ่งบอกให้เห็นว่า ทัศนคติของเรา
ความคิดและการกระทำของเรามีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อความจริงที่เราได้สัมผัส ดังนั้น ในแง่หนึ่งแล้ว เราทุกคนคือผู้สังเกตการณ์ในโลกควอนตัม เป็นผู้ทำให้ฟังก์ชันคลื่นส่วนตัวของเรายุบตัวกลายเป็นความเป็นจริงส่วนตัว
เราไม่ใช่แค่ผู้รับความเป็นจริงอย่างนิ่งๆ เราเป็นส่วนหนึ่ง เป็นผู้มีส่วนร่วมสร้าง และคอยปรุงแต่งความจริงอยู่ตลอดเวลา ด้วยการรับรู้และด้วยการตอบสนองของตัวเราเอง นี่หมายความว่า ในระดับหนึ่งเรามีพลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงของเรา สามารถทำให้อธิษฐานเป็นจริง ด้วยการมีอิทธิพลต่อฟังก์ชันคลื่นส่วนตัว
สรุปกันอีกที
ลองใช้เวลานิดนึงย้อนกลับไปดูสิ่งที่เราเรียนรู้กันมาในวันนี้ เราเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามถึงคุณลักษณะแท้จริงของความเป็นจริง และวิธีที่เราจะรับรู้สิ่งนี้ จุดนี้ทำให้เราได้มาพูดคุยกันถึงโลกที่น่าสนใจของกลศาสตร์ควอนตัม และฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์
ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์นี้เป็นแนวคิดพื้นฐานของฟิสิกส์ควอนตัม เอาไว้ช่วยเราวิเคราะห์โอกาสที่อนุภาคจะไปปรากฏตัวอยู่ที่จุดใดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นเราก็เจาะลึกลงไปดูว่า ฟังก์ชันคลื่นมีความเชื่อมโยงแค่ไหนกับความเป็นจริงของเรา
มันคือการแสดงออกของความเป็นไปได้ต่างๆ ของศักยภาพต่างๆ ที่จะกลายมาเป็นความจริงเฉพาะตัวได้เมื่อได้รับการรบกวนการสังเกตเท่านั้น แนวคิดนี้ทำให้เราเข้าใจมุมมองที่ลึกซึ้งมากขึ้น ว่าความเป็นจริงของเราไม่ได้นิ่งคงที่
แต่มีความไหลและเปลี่ยนแปลงได้ เหมือนกับตัวฟังก์ชันคลื่นนั่นเอง ด้วยการทำความเข้าใจและนำมาประยุกต์ใช้ เราจะเริ่มเห็นได้ว่าเราไม่ได้เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์นิ่งๆ แต่เป็นส่วนหนึ่ง เป็นผู้มีส่วนร่วมในการสร้างความเป็นจริงรอบๆ ตัวเรา จำไว้ว่า คุณมีพลังที่จะเปลี่ยนความจริงของคุณ เช่นเดียวกับฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์ ความจริงรอบตัวคุณเต็มไปด้วยโอกาสและความเป็นไปได้มากมาย ออกไปสำรวจ โอบกอดมัน และสร้างความเป็นจริงที่คุณ ปรารถนา
จะนำหลักการที่กล่าวมาแล้วในชีวิตอย่างไร
พื้นฐานของแนวคิด
- ฟังก์ชันคลื่นของชเรอดิงเงอร์และการซ้อนทับ (Superposition): เรียนรู้ว่าความจริงดำรงอยู่ในหลายสถานะที่เป็นไปได้พร้อมๆ กัน การรับรู้และการกระทำของเราเองเป็นตัว “ยุบ” ความเป็นไปได้เหล่านั้นให้เหลือเพียงสถานะเดียวที่เราสัมผัสได้
- พลังของการสังเกต (Observer effect): ทำความเข้าใจว่าความคิด ความเชื่อ และความคาดหวังของคุณ ส่งผลต่อสิ่งที่ปรากฏในชีวิตของคุณอย่างมหาศาล โดยการปรับเปลี่ยนความคิดและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ต้องการ คุณกำลังชี้นำฟังก์ชันคลื่นของคุณไปสู่สิ่งที่คุณปรารถนา
การประยุกต์ใช้จริง
- การตั้งเป้าหมายและการสร้างภาพ (Goal Setting & Visualization): กำหนดเป้าหมายของคุณให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สร้างภาพตัวเองประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน เติมเต็มด้วยอารมณ์ความรู้สึกราวกับว่ามันเกิดขึ้นจริง สิ่งนี้จะช่วยให้ “การสังเกต” ของคุณมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- การยืนยันเชิงบวก (Positive Affirmations) และความเชื่อมั่นในตัวเอง: การยืนยันเชิงบวกช่วยปรับเปลี่ยนมุมมองของคุณให้สอดคล้องกับสิ่งที่คุณต้องการ เลือกประโยคยืนยันที่ตรงกับตัวคุณ ใช้กาลปัจจุบัน และท่องซ้ำเป็นประจำด้วยความเชื่อมั่น
- การลงมือทำ (Action): ความคิดและการสร้างภาพทรงพลัง แต่การลงมือทำเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ มันเป็นความจริงที่ว่าการนั่งงอมืองอเท้ารอให้ภาพที่สร้างในใจเกิดขึ้นเองนั้นเป็นไปไม่ได้ คุณต้องเริ่มทำอะไรซักอย่าง แม้จะเป็นการกระทำที่เล็กๆน้อยๆ แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี คุณต้องก้าวเดินด้วยแรงบันดาลใจ แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ ในเส้นทางสู่ฝันของคุณ การลงมือทำเสริมสร้างความเชื่อของคุณและช่วยปั้นความจริงของคุณต่อไป
- การเปิดรับโอกาสและการตรงกันข้าม (Synchronicities): เปิดใจกับโอกาสที่ไม่คาดฝัน การตรงกันข้าม และ ความบังเอิญ ซึ่งอาจเป็นการตอบสนองของจักรวาลต่อความตั้งใจที่ชัดเจนของคุณ
สิ่งสำคัญที่ควรคำนึง
- ความสม่ำเสมอ (Consistency): การเปลี่ยนฟังก์ชันคลื่นของคุณไปสู่สถานะที่ต้องการนั้นต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างสม่ำเสมอ อดทน มุ่งมั่น และฝึกฝนเทคนิคเหล่านี้เป็นประจำทุกวัน
- ความเชื่อใจและการปล่อยวาง (Detachment): ศรัทธาในจักรวาลและกระบวนการ ปล่อยวางจากผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง ยอมรับความยืดหยุ่นและเส้นทางที่ไม่คาดคิด จักรวาลอาจมีแผนที่ดีกว่ารอคุณอยู่ก็ได้
- ความกตัญญู หรือความยินยีกับสิ่งที่ได้รับ (Gratitude): โฟกัสที่ความกตัญญูสำหรับสิ่งดีๆ ในชีวิต ซึ่งจะช่วยยกระดับพลังงานการสั่นของคุณ และเชื่อมโยงคุณกับความอุดมสมบูรณ์และพรอันประเสริฐยิ่งขึ้น
โปรดจำไว้ว่า: การประยุกต์ใช้แนวคิดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการอย่างง่ายดาย แต่มันคือการเป็นผู้ร่วมสร้างความจริงของคุณอย่างแข็งขัน โดยการเข้าใจว่าความคิด ความเชื่อ และการกระทำของคุณมีบทบาทสำคัญในการปั้นชีวิตที่คุณสัมผัส
การนำไปประยุกต์ในด้านการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย
การตั้งเป้าหมายและการสร้างภาพ (Goal Setting & Visualization):
- กำหนดเป้าหมายทางการเงินของคุณให้ชัดเจน เขียนออกมาเลยว่าคุณต้องการอะไร ระบุจำนวนเงิน วันที่ และรายละเอียดอื่นๆ
- สร้างภาพตัวเองประสบความสำเร็จในเป้าหมายทางการเงิน จินตนาการว่าตัวเองมีเงินเพียงพอ ใช้ชีวิตอย่างสบาย บรรลุอิสรภาพทางการเงิน
- รู้สึกถึงอารมณ์เชิงบวกที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย เช่น ความสุข ความตื่นเต้น ความขอบคุณ
การยืนยันเชิงบวก (Positive Affirmations):
- การยืนยันเชิงบวกคือการพูดกับตัวเองโดยประโยคที่สื่อความหมายในทางบวก แบบซ้ำๆ ย้ำๆ เลือกประโยคยืนยันเชิงบวกที่ตรงกับเป้าหมายของคุณ เช่น “ฉันมีเงินเพียงพอสำหรับสิ่งที่ฉันต้องการ” “ฉันดึงดูดโอกาสทางการเงินเข้ามาในชีวิต” “ฉันบรรลุอิสรภาพทางการเงินแล้ว” ฯลฯ
- ท่องประโยคยืนยันเชิงบวกเป็นประจำ เช้า เย็น หรือ ตอนไหนก็ได้ที่รู้สึกถึงความไม่มั่นใจ สงสัย หรือเริ่มมีคำถามในสิ่งที่ตัวเองสิ่งที่ตัวเองเชื่อ
การลงมือทำ (Action):
- วางแผนการเงิน จัดทำงบประมาณ ติดตามรายรับและรายจ่าย
- หาวิธีเพิ่มรายได้ หางานเสริม ลงทุนเล็กๆน้อยๆ
- ประหยัดเงิน เลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่นแทนที่จะซื้อกาแฟกินวันละ 3 แก้วก็เหลือแก้วเดียว เงินที่เหลือก็เก็บสะสมเอาไว้ทำอย่างอื่น
- อ่านหนังสือ ฟัง pod cast อ่านบทความให้ความรู้หรือเสริมสร้างพลังใจ
- ออกไปพบปะผู้คนใหม่ๆ เปลี่ยนไปสัมผัสสภาพแวดล้อมใหม่ๆ
การเปิดรับโอกาส (Receptive):
- มองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเพิ่มรายได้ ลงทุน หรือประหยัดเงิน
- เปิดใจรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น
- เชื่อมั่นในตัวเอง กล้าเสี่ยง
- ในแต่ละว้นเมื่อเห็นปัญหาอะไร ลองเปลี่ยนจากกร่นด่า มาเป็นตั้งคำถามว่าฉันจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร หากฉันแก้ให้ตัวเองได้ฉันก็แก้ให้คนอื่นได้
ความเชื่อใจและการปล่อยวาง (Detachment):
- เชื่อใจว่าคุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณ
- ปล่อยวางจากความกังวล ความกลัว หรือความสงสัย
- มุ่งเน้นไปที่ความคิด ความเชื่อ และการกระทำเชิงบวก
ความกตัญญู หรือความยินยีกับสิ่งที่ได้รับ (Gratitude):
- รู้สึกขอบคุณสำหรับเงินที่คุณมี
- รู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสทางการเงิน
- รู้สึกขอบคุณสำหรับความรู้ ทักษะ และความสามารถของคุณ
ตัวอย่างเพิ่มเติม:
- ใช้เทคนิคการสร้างภาพ (Visualization) จินตนาการว่าตัวเองกำลังจ่ายเงินสดสำหรับสินค้าหรือบริการ
- เขียนรายการสิ่งที่คุณต้องการและรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณมี
- พูดคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน
- อ่านหนังสือ บทความ หรือฟัง podcast เกี่ยวกับการเงิน อยู่เรื่อยๆ