จินตนาการ (Imagination): พลังงานที่มองไม่เห็นที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นจริงในชีวิตของคุณ

คุณลองนึกภาพออกไหมว่า เคยมีบางสถานการณ์ที่คุณคิดอยากทำนั่นอยากได้นี่ คุณคิดเล่นๆ คิดในจินตนาการ คุณเห็นภาพมันชัดเจนในใจ ผ่านไปซักพัก สิ่งที่คุณคิดมันดันกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการฝันไปเที่ยวต่างประเทศ การได้เปลี่ยนงานใหม่ การได้รถใหม่ บ้านใหม่ หรือได้ไปปะทะไหล่ดารานักร้องดังที่คุณชื่นชอบ โดยที่คุณเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นจริงได้

นี่แหละที่เขาเรียกว่า จินตนาการคือจุดกำเนิดของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทุกอย่าง

ลองนึกถึงเรื่องของพี่น้องตระกูลไรท์ ออร์วิลล์และวิลเบอร์ (Wright brothers) สองพี่น้องธรรมดาๆ ที่มีวิสัยทัศน์ไม่ธรรมดา พวกเขาฝันถึงสิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นไปไม่ได้ หรือมนุษย์กำลังบินได้ ด้วยความมุ่งมั่น จินตนาการของพวกเขาก็ได้ให้กำเนิดเครื่องบินลำแรกในปี 1903 เปลี่ยนโฉมวงการการบินไปตลอดกาล

หรือลองคิดถึง เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J. K. Rowling) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ว่างงาน จนต้องรับเงินสงเคราะห์จากรัฐบาล เธอมีความคิด จินตนาการถึงเด็กชายพ่อมดชื่อ ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ ถึงแม้จะโดนปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง เธอก็ไม่ยอมแพ้ที่จะสร้างโลกแห่งจินตนาการนี้ และวันนี้ แฮร์รี่ พอตเตอร์ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก

นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เราเห็นพลังของจินตนาการที่กลายเป็นจริงได้

จินตนาการไม่ได้จำกัดอยู่แต่แค่ในหมู่นักประดิษฐ์หรือนักเขียนเท่านั้น อย่างเช่น อีลอน มัสก์ (Elon Musk) คนที่มีวิสัยทัศน์ถึงอนาคตที่มนุษยชาติได้กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้ชีวิตอยู่ได้ในหลายดาวเคราะห์ บริษัทของเขาอย่าง SpaceX ตอนนี้กำลังเป็นผู้นำด้านการเดินทางในอวกาศ เปลี่ยนสิ่งที่เคยเป็นแนวคิดทางนิยายวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นความจริงในโลกเรา

แต่เราก็อย่าลืมพลังของจินตนาการหมู่ (Collective imagination) พวกเราทุกคน ตัวอย่างของเรื่องนี้เราจะเห็นได้จากวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี ในช่วงต้นปี 1980 มีน้อยคนมากที่จะนึกภาพออกว่าจะมีวันที่คอมพิวเตอร์จะเล็กจิ๋วจนใส่กระเป๋าเราได้ แต่มาถึงวันนี้ สมาร์ตโฟนได้กลายเป็นของที่เราใช้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว

ตอนนี้ ลองย้อนกลับไปตอนเริ่มต้นบทความนี้ เราร่วมเดินทางกันโดยถามว่า คุณสามารถนึกถึงช่วงเวลาที่ความคิดเล็กๆ กลับกลายเป็นความจริงบ้างมั้ย?

นี่เป็นแก่นแท้ของ “จินตนาการ” เลย ความสามารถที่จะเห็นภาพของสิ่งที่ยังไม่มี และทำให้มันเป็นจริงได้ ในบทความนี้เราเห็นแล้วว่าพี่น้องตระกูลไรท์ เจ.เค. โรว์ลิ่ง อีลอน มัสก์ รวมถึงจินตนาการหมู่ของนักปฏิรูปทางเทคโนโลยีได้ใช้ประโยชน์จากพลังของจินตนาการเพื่อสร้างความจริงของพวกเขาการเดินทางเริ่มต้นด้วยความคิดเล็กๆ ประกายแห่งจินตนาการ และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์

ดังนั้น พอเราเดินทางมาถึงตอนจบของเรื่องราวนี้ ขอให้จำไว้นะ ว่าจินตนาการน่ะ ไม่ใช่แค่การฝันเฟื่อง แต่เป็นการสร้างสรรค์ มันคือพลังที่จะเปลี่ยนสิ่งที่จับต้องไม่ได้ให้เป็นความจริงได้ เปลี่ยนสิ่งที่ไม่มีให้เกิดมาได้จริง เปลี่ยนฝันให้กลายเป็นจริงได้ และทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิดเล็กๆ เพียงแวบเดียว ช่วงเวลาแห่ง ‘จินตนาการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *