หลายคนเคยสัมผัสกับความสำเร็จอันน่าทึ่งมาแล้วหลังจากที่ได้เรียนรู้พลังแห่งความคิดที่ส่งผลต่อชีวิตพวกเขา…
เนื้อหาในบทนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าความยินดีกับสิ่งที่ได้รับ หรือความรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่มี (Gratitude) สามารถดึงดูดพลังแห่งความร่ำรวยด้านจิตวิญญาณได้อย่างไร
หลายครั้งคุณคงเคยได้ยินไอเดียนี้โดยเฉพาะในวงการพัฒนาตนเองหรือจิตวิญญาณ พวกเขามักกล่าวว่าการฝึกฝนแสดงความขอบคุณอย่างสม่ำเสมอสามารถนำความร่ำรวยด้านจิตวิญญาณมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพที่ดี ความสุข ความรัก กระทั่งเงินตรา แต่มันทำงานยังไงล่ะ?
แล้วคุณจะนำแนวคิดนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเพื่อสร้างผลกระทบที่แท้จริงได้อย่างไร?
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางอันน่าตื่นเต้นนี้ เราจะไปไขความลับกันทั้งหมดนี้ และยังอาจเปิดประตูไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าด้วย! มาติดตามกันได้เลย
1) เมื่อความรู้สึกยินดีและขอบคุณกับสิ่งที่เรามีเปลี่ยนเป็นพลัง
การฝึกความรู้สึกขอบคุณจะเปลี่ยนสิ่งธรรมดาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และพาคุณไปสู่การดึงศักยภาพสูงสุดออกมาอย่างแท้จริง… ความรู้สึกยินดีกับสิ่งที่มีไม่ใช่แค่คำว่า “ขอบคุณ” แต่มันคือทัศนคติที่ลึกซึ้งกว้างใหญ่ และพร้อมจะปรับเปลี่ยนวิธีที่คุณมองโลก รวมถึงเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้คุณ
นี่แหละคือหนทางในการปลดปล่อยตัวเองจากข้อจำกัดในชีวิตประจำวัน แล้วดื่มด่ำกับความอุดมสมบูรณ์รอบตัวคุณ การฝึกฝนความรู้สึกยินดีกับสิ่งที่มี หมายถึงการมองเห็นไม่แค่เพียงสิ่งที่ดีงามในชีวิตเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงบททดสอบและความเจ็บปวดไปพร้อมกัน มุมมองที่กว้างขึ้นจะทำให้คุณเห็นคุณค่าของเส้นทางการเดินทาง และบทเรียนที่ได้เจอมาตลอดทาง การมองหาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่เสมอนั่นแหละคือหัวใจของเรื่อง
เมื่อคุณแสดงความรู้สึกขอบคุณ หรือยินดีกับสิ่งที่มีสิ่งที่ได้รับในแต่ละวัน มันเท่ากับคุณกำลังสร้างทัศนคติอันเปี่ยมด้วยความสุขและความอุดมสมบูรณ์ ตัวคุณจะแข็งแกร่งขึ้น ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่าเดิม และสุขภาพกายใจจะดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เครื่องมืออันทรงพลังนี้สามารถสร้างชีวิตที่ดีกว่าแบบที่คุณคาดไม่ถึงเลยละ! คุณกำลังดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาอีกมากมาย โดยการเพ่งความสนใจไปที่สิ่งดีที่มีอยู่ในตอนนี้ อย่าลืมว่าความรู้สึกยินดีกับสิ่งที่ตนมีอยู่เป็นกระบวนการที่ต้องฝึกฝน ไม่ใช่แค่เป้าหมายสุดท้าย
คุณต้องทำให้มันเป็นนิสัยประจำวัน ช่วงแรกอาจไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องเผชิญความยากลำบากมันจะทำให้คุณท้อและไม่อยากยินดีกับอะไรต่อ แต่ในที่สุดแล้วมันคุ้มค่าจริง ๆ
ความยินดีกับสิ่งที่ตัวเองได้รับหรือสิ่งที่ตัวเองมีคือไม้กายสิทธิ์ หรือเครื่องมือลับ ที่ทำให้สิ่งธรรมดาเปลี่ยนเป็นสิ่งไม่ธรรมดา ทุกขณะเวลากลายเป็นของขวัญอันล้ำค่า เพราะมีสายใยสีทองแห่งความขอบคุณที่ร้อยเรียงอยู่ตลอดทาง
ยอมรับเถอะว่าความรู้สึกขอบคุณนี้มีพลังขนาดไหน นี่คือกุญแจสู่ชีวิตที่อิ่มเอม เปี่ยมสุข และเติมเต็มทุกด้าน เชื่อเถอะ คุณต้องทึ่งว่าชีวิตจะดีขึ้นได้มากแค่ไหน
2) เข้าใจความมั่งคั่งที่มาจากภายใน
โลกแห่งความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณ คือขุมทรัพย์ล้ำค่าที่ไม่มีวันหมดสิ้น ซึ่งอยู่เหนือวัตถุและสิ่งของดึงดูดใจที่เรามักคุ้นเคยในโลกของความเป็นจริง ความมั่งคั่งลักษณะนี้ไม่ได้วัดกันที่ยอดเงินในบัญชีหรือข้าวของที่คุณครอบครอง
หากแต่มาจากสิ่งอย่างความสงบภายใน ความรัก ความรู้ และปัญญาด้านจิตวิญญาณ นี่แหละที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่าอย่างแท้จริง
เคยสงสัยมั้ยว่า “อะไรที่เหมาะกับฉัน” แตกต่างจากโลกวัตถุ ความร่ำรวยทางจิตวิญญาณนั้นมีพลังเปลี่ยนทุกอย่าง
มันคือกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่มีความหมาย มีความสำเร็จ และเปี่ยมล้นด้วยความสุขลึกซึ้ง เมื่อคุณอุดมไปด้วยความมั่งคั่งอันนี้ คุณจะรู้จักตัวเอง รู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ มีความฝันที่ชัดเจน และมีศักยภาพที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ที่สำคัญยิ่ง คุณจะมีความสามารถในการมองข้ามโลกใบนี้ไปสู่ความงดงามของชีวิต และเห็นการเชื่อมโยงของทุกสรรพสิ่ง
ทว่าจะไปถึงขุมทรัพย์ทองคำนี้ได้อย่างไร? คำตอบก็คือเริ่มต้นด้วย “ความรู้สึกขอบคุณกับและยินดีกับสิ่งที่ตัวเองได้รับหรือมีอยู่” การรู้จักขอบคุณจะทำให้คุณตระหนักถึงสิ่งดีๆ ในชีวิตของคุณและโลกรอบตัว
มันจะช่วยเปลี่ยนจุดโฟกัสของคุณจากความขาดแคลนไปสู่ความอุดมสมบูรณ์ จากความกลัวไปสู่ความรัก และจากความโดดเดี่ยวสู่ความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่น
3) ปรับจิตใจให้เปี่ยมด้วยความรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่ได้รับ
การฝึกแสดงความรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่คุณมีอย่างสม่ำเสมอมีพลังเปลี่ยนทั้งวิธีที่คุณมองโลก และช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับขุมทรัพย์ทางจิตวิญญาณมหาศาล ที่อยู่ทั้งรอบตัวและภายในตัวคุณเอง… นี่ไม่ใช่แค่ความคิดสวยหรูแต่มันคือเครื่องมือทรงพลัง และมีประโยชน์อย่างยิ่งที่สามารถเปลี่ยนแนวคิด คำพูด และการกระทำของคุณได้
ลองนึกถึงจิตใจของคุณเหมือนกับสวน เมื่อคุณฝึกฝนความยินดีและขอบคุณดังกว่า ก็เหมือนกับคุณกำลังดูแลสวนแห่งนี้ ด้วยการบำรุงสิ่งดี ๆ และกำจัดสิ่งไม่ดีออกไป เมื่อคุณอยู่ท่ามกลางความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้ง ความคิดของคุณก็จะงอกงามเบ่งบานได้อย่างเต็มที่ แต่การจะพูดแค่คำว่า “ขอบคุณ” บ่อยขึ้นนั้นยังไม่พอ คุณต้องรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายและออกสู่โลกภายนอก
ทว่าเราจะปรับจิตใจให้เข้าสู่สภาวะแห่งความยินดีนี้ได้อย่างไร? มันไม่ยากอย่างที่คิดเลยล่ะ ขั้นแรกคือ ให้ลองสังเกตสิ่งดี ๆ ในชีวิตของคุณ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน จงรู้สึกขอบคุณในสิ่งต่าง ๆ เช่น ไออุ่นจากแสงแดด รสชาติกาแฟยามเช้า หรือคำพูดดี ๆ จากเพื่อนฝูง พยายามเขียนลงกระดาษหรือทบทวนช่วงเวลาที่มีความขอบคุณเหล่านี้ทุก ๆ วัน เมื่อเวลาผ่านไป การฝึกแบบนี้จะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนแนวคิดของคุณ ทำให้คุณโฟกัสไปที่สิ่งที่มีอยู่ แทนการจมอยู่กับสิ่งที่ขาดหายไป
4) ตั้งเป้าให้ชีวิตเปี่ยมด้วยความอุดมสมบูรณ์
ใช้พลังแห่งเป้าหมายในการนำพาสิ่งดี ๆ เข้าสู่ชีวิต แล้วโลกของคุณจะเหมือนผืนผ้าใบอันอุดมไปด้วยโอกาสและพรจากสวรรค์… เปรียบเป้าหมายเหมือนกับการชักใบเรือที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทาง แต่การตั้งเป้าหมายเฉย ๆ ยังไม่พอ คุณต้องทำมันด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความขอบคุณ
ลองนึกภาพว่าคุณพร้อมปลูกเมล็ดพืชอันล้ำค่าลงบนพื้นที่ว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นคือเป้าหมายต่าง ๆ และพื้นที่นั้นก็คือชีวิตของคุณเอง
ผลผลิตย่อมมากขึ้นหากคุณเพาะสิ่งที่ดีลงไป คุณไม่ได้แค่หวังให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ แต่คุณกำลังวางแผนอย่างละเอียดเพื่อจะชักนำสิ่งที่ต้องการเข้ามาในชีวิตอย่างแท้จริง
มาคุยกันว่าจะตั้งเป้าหมายเพื่อความมั่งคั่งได้อย่างไร ขั้นแรกคือคุณต้องรู้ว่าคำว่า “พอ” มีความหมายอย่างไรสำหรับตัวคุณเอง มันอาจเป็นการมีเงินทองเพียงพอ มีงานที่ทำให้รู้สึกดี มีครอบครัวที่รัก หรือแม้แต่ความสงบในจิตใจ
เมื่อคุณรู้แล้วว่าคำว่าร่ำรวยนี้คือแบบไหน ให้ใช้เวลาคิดไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง คุณต้องเข้าถึงความรู้สึกราวกับว่าความร่ำรวยนี้ได้เกิดขึ้นจริง ๆ แล้วแสดงความขอบคุณต่อโลกอันสมมตินี้ แม้ว่าจะยังมองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ในตอนนี้ ความรู้สึกขอบคุณจะเป็นการขอบคุณล่วงหน้า… เป็นการประกาศอย่างหนักแน่นว่าตัวคุณพร้อมจะรับสิ่งดี ๆแล้ว
การตั้งเป้าหมายเพื่อความมั่งคั่งไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ครั้งเดียวจบ แต่มันเป็นสิ่งที่คุณต้องทำซ้ำทุกวัน เสมือนเป็นการสัญญาว่าจะสนับสนุนความฝันด้วยความสุขและความรู้สึกขอบคุณ ตั้งเป้าหมายในวันนี้ด้วยใจที่เปี่ยมล้นด้วยการรู้คุณค่า แล้วดูซิว่าโลกจะทำงานอย่างไรเพื่อนำความอุดมสมบูรณ์มาให้คุณ พูดกับตัวเองว่า “ฉันซาบซึ้งในสิ่งที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ และฉันพร้อมจะต้อนรับสิ่งดี ๆ เพิ่มเติม”
5) การฝึกสมาธิด้วยความรู้สึกขอบคุณ เพื่อสร้างความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณ
ในขณะที่คุณฝึกฝนการรู้สึกขอบคุณทุกวัน ลองมาสำรวจกันว่าการฝึกสมาธิด้วยความซาบซึ้งใจนี้จะช่วยให้คุณมั่งคั่งขึ้นในด้านอื่นๆ ได้อย่างไร การฝึกฝนนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้จิตใจสงบลง หากแต่ยังเป็นวิธีที่คุณจะตระหนักและเห็นคุณค่าของสิ่งดีๆ ในชีวิตอีกด้วย
หาสถานที่เงียบสงบและปราศจากสิ่งรบกวนเพื่อเริ่มการฝึกฝน เมื่อคุณพร้อมแล้ว หลับตา นั่งลง และหายใจเข้า-ออกลึกๆ ทุกครั้งที่คุณหายใจออก ปลดปล่อยความกังวลหรือความรู้สึกอึดอัดในตัวคุณออกไป
คราวนี้ใคร่ครวญถึงสิ่งหนึ่ง หรือบุคคลหนึ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณจากใจจริง คิดถึงสิ่งนั้น ให้ความรู้สึกของคุณโอบล้อมมัน ทุ่มเทจิตใจให้กับความรู้สึกขอบคุณนี้ พึงระลึกไว้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะนึกถึงสิ่งที่คุณไม่มี แต่เป็นเวลาที่จะรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณมี ให้ความรู้สึกขอบคุณนี้ซึมซาบไปทั่วร่างกาย
อาจจะรู้สึกยากในช่วงแรก แต่ขอให้ฝึกฝนต่อไป ความรู้สึกขอบคุณนี้จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป การฝึกสมาธิด้วยความรู้สึกขอบคุณไม่ได้เป็นเพียงวิธีผ่อนคลายจิตใจเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตของคุณอีกด้วย
เมื่อคุณมีทัศนคติที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ คุณกำลังเชื่อมโยงตัวคุณเองเข้ากับพลังแห่งความมั่งคั่งในจักรวาลนี้ คุณไม่ได้เพียงแค่สังเกตเห็นสิ่งดีๆ ในชีวิต หากแต่ยังเปิดพื้นที่ให้สิ่งเหล่านั้นหลั่งไหลเข้ามาอีกด้วย
บทนี้เน้นการให้คืนและส่งต่อ ขณะที่คุณฝึกฝนความรู้สึกขอบคุณ และดึงดูดทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ลองใคร่ครวญว่าคุณจะแบ่งปันความมั่งคั่งนี้เพื่อตอบแทนและส่งต่อให้ผู้อื่นได้อย่างไร ความมั่งคั่งที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงแค่เงินหรือทรัพย์สินเท่านั้น
แต่มันยังรวมถึงความรัก ความรู้ และพลังบวกที่คุณสร้างขึ้น มันเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ ความเข้มแข็งที่คุณมี และความสงบในใจคุณ นี่คือความร่ำรวยที่แท้จริงซึ่งคุณแบ่งปันให้โลกและชุมชนได้
“แล้วจะส่งต่ออย่างไรดี?” คุณอาจถาม คำตอบคือ: ความเมตตาไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แม้การกระทำเล็กๆ ก็สร้างความแตกต่างได้มหาศาล คุณอาจยิ้มให้ใครสักคน ตั้งใจฟังพวกเขา หรือเอ่ยคำพูดดีๆ อุทิศเวลาให้กับสิ่งที่คุณห่วงใย
สอนผู้อื่นถึงการพัฒนาความรู้สึกขอบคุณและดึงดูดความอุดมสมบูรณ์ ช่วยเหลือผู้อื่นในเส้นทางของเขาด้วยความรู้และทักษะที่คุณมี การทำประโยชน์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเล็กเพียงใดก็ตาม
6) รายล้อมด้วยพลังแห่งความซาบซึ้ง แล้วคุณจะได้รับมากขึ้น
นอกเหนือจากการแบ่งปันทรัพย์สินของคุณแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกขอบคุณ เพราะนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรแห่งความสุขและความอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง
การรู้สึกขอบคุณเพียงตามลำพังอาจยังไม่เพียงพอ คุณต้องการกลุ่มคนที่แบ่งปันความซาบซึ้งใจไปพร้อมกับคุณ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องล้อมรอบตัวเองด้วยคนประเภทที่คอยแต่เห็นชอบด้วยไปเสียหมด แต่มันคือการค้นหาคนที่มองเห็นคุณค่าของขวัญจากชีวิต ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน และพวกเขาไม่กลัวที่จะแสดงมันออกมา
ลองคิดถึงสิ่งนี้: พลังงานที่ห้อมล้อมคุณส่งผลมหาศาลต่อมุมมองของคุณต่อทุกสิ่ง คุณคงเคยเห็นแล้วว่าเพียงคนๆ เดียวที่อารมณ์ขุ่นมัว สามารถทำให้บรรยากาศทั้งห้องเศร้าหมองได้จริงไหม? หลักการนี้ก็ใช้ได้ในทางกลับกันเช่นกัน
คนที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกขอบคุณและความเบิกบานใจ สามารถทำให้บรรยากาศรอบตัวพวกเขารู้สึกดีขึ้น คุณจึงอยากเติมเต็มตัวคุณเองด้วยพลังงานแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?
แล้วจะเชื่อมต่อกับคนที่มีความรู้สึกขอบคุณเหล่านี้ได้อย่างไร? เริ่มต้นด้วยการเป็นคนแบบนั้นเสียเองก่อน แสดงความซาบซึ้งใจของคุณอย่างเปิดเผยและจริงใจ เป็นคนที่คุณอยากดึงดูดเข้ามาในกลุ่มเพื่อนของคุณ เหมือนแม่เหล็ก คุณจะดึงดูดผู้คนที่แบ่งปันความสนใจร่วมกันกับคุณเข้ามาเอง
ต่อมา ขวนขวายเพื่อค้นหาคนที่รู้สึกขอบคุณอยู่เสมอ คนเหล่านี้คือประเภทที่มองเห็นพรในชีวิต และแสดงความซาบซึ้งใจแม้ยามที่ต้องเผชิญความยากลำบาก จำไว้ว่าการฝึกฝนความรู้สึกขอบคุณเป็นการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง ย่อมมีวันที่ท้าทายกว่าวันอื่นๆ การอยู่บนเส้นทางนี้หมายถึงการแสดงความขอบคุณอย่างต่อเนื่อง มองหาพลังงานแห่งความสุขและดูแลรักษาความเชื่อมโยงเหล่านี้เอาไว้ ไม่ช้าคุณก็จะถูกรายล้อมไปด้วยคนที่ส่องประกายแห่งความซาบซึ้งใจ ส่งผลให้ชีวิตของคุณอบอวลไปด้วยความสุขสันต์และความงอกงามอย่างแน่นอน
7) ฝึกฝนความรู้สึกขอบคุณเพื่อดึงดูดทรัพย์สินเพิ่มพูน
ผืนดินอันอุดมสมบูรณ์แห่งความซาบซึ้งใจยังสามารถทำให้ความมั่งคั่งทางการเงินงอกงามได้อีกด้วย การเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อความร่ำรวย และการเปิดประตูสู่ทรัพย์สมบัติที่คุณอาจเคยนึกถึงเมื่อได้ใช้ความรู้สึกขอบคุณเป็นเครื่องนำทาง… การร่ำรวยนั้นไม่ใช่การสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันคือความซาบซึ้งใจต่อสิ่งที่มีอยู่แล้ว
เริ่มต้นด้วยการจดบันทึกถึงทุกๆ สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณสำหรับมันในแต่ละวัน แสดงความซาบซึ้งใจต่อสิ่งพื้นฐานในชีวิตอย่างถ้วยกาแฟอุ่นๆ หลังคาบ้าน หรือรายได้ที่มั่นคง กิจวัตรนี้จะปรับคลื่นความคิดของคุณเข้าสู่ความถี่แห่งความสมบูรณ์ เป็นการเปลี่ยนจุดสนใจจากความขาดแคลนไปสู่ความอุดมสมบูรณ์ และมองความร่ำรวยไม่ใช่แค่สิ่งของอย่างเดียว แต่มันยังรวมถึงความสัมพันธ์และประสบการณ์ต่างๆ ด้วย
ต่อไป ฝึกฝนให้ดีขึ้นในการแสดงความขอบคุณต่อใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆ อาจฟังดูแปลก แต่เศษกระดาษเหล่านี้แสดงถึงบริการที่เราได้ใช้ ทั้งน้ำ ไฟ และความอบอุ่น หากคุณสามารถเปลี่ยนมุมมองจากภาระสู่พรอันประเสริฐ
คุณจะเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเงินไปในทางที่ดี มองเงินเป็นเครื่องมือที่นำพาความสะดวกสบายและความง่ายดายมาสู่ชีวิต แทนที่จะเป็นต้นตอของความกังวล
สุดท้ายนี้ พยายามรักษาทัศนคติแห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปันสิ่งที่คุณมี ทั้งเวลาและทักษะของคุณ จิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาและความเอื้ออารีคือการเพาะปลูกความอุดมสมบูรณ์ มันเป็นการประกาศต่อโลกอย่างชัดเจนว่าคุณมีความงอกงามเหลือเฟือ และโลกจะสะท้อนความงอกงามนี้กลับคืนมาอย่างทวีคูณ
จำไว้ว่าคุณจะได้รับกลับมาตามที่คุณได้ให้ออกไป นิสัยเหล่านี้จะไม่ทำให้คุณร่ำรวยอย่างรวดเร็ว แต่มันจะเปลี่ยนแปลงวิธีที่คุณมองทุกสิ่ง และช่วยให้เห็นคุณค่าของความมั่งคั่งที่คุณมีอยู่แล้ว
ความร่ำรวยไม่ได้จำกัดอยู่ที่จำนวนเงินในกระเป๋า การมีเงินมากนั้นคือสภาวะทางจิตใจ จงปลูกฝังการฝึกฝนความรู้สึกขอบคุณ และคุณจะเห็นความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณที่เพิ่มพูนขึ้น
8) การสร้างวิถีชีวิตแห่งความยินดีกับสิ่งที่มีและสิ่งที่ได้รับ
เมื่อคุณสร้างความรู้สึกขอบคุณให้กลายเป็นวิถีชีวิต คุณกำลังเริ่มต้นการเดินทางที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตครั้งใหญ่ การกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องพัฒนาทัศนคติที่สามารถมองเห็นคุณค่าแม้ในสิ่งเล็กน้อยที่สุด และแบ่งปันความซาบซึ้งใจนี้กับคนรอบข้าง
คุณจะได้เรียนรู้ว่าชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกขอบคุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวคุณได้มากเพียงใด ผ่านกิจวัตรประจำวันและการจดบันทึกความซาบซึ้งใจลงในสมุด
การฝึกฝนความรู้สึกขอบคุณในทุกๆ วันมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันจะเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อโลก และทำให้ชีวิตโดยรวมของคุณดีขึ้น เริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อย: จดบันทึกสามสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณสำหรับมันในทุกๆ เช้า ถ้วยกาแฟรสชาติดี รอยยิ้มเป็นมิตรจากคนแปลกหน้า
หรือช่วงเวลาเงียบสงบกลางวันที่วุ่นวาย ล้วนเป็นสิ่งเล็กๆ ที่สร้างความแตกต่างได้มหาศาล การกระทำแสดงความรู้สึกขอบคุณเล็กๆ เหล่านี้ จะช่วยเปลี่ยนมุมมองของคุณ ทัศนคติโดยรวมจะดีขึ้น และความรู้สึกผาสุกของคุณจะเพิ่มพูนขึ้น
อย่าลืมว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับการมีวันที่ยอดเยี่ยมเสมอไป หากแต่เป็นการค้นพบความงดงามในชีวิตประจำวัน ปลูกฝังกิจวัตรความรู้สึกขอบคุณให้เป็นนิสัยประจำวัน และสังเกตว่าชีวิตของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เพียงคิดบวกอย่างเดียวไม่พอ คุณจำเป็นต้องสังเกตเห็นสิ่งดีๆ รอบตัวด้วย เมื่อคุณทำกิจกรรมแสดงความซาบซึ้งใจในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง มันจะเติบโตกลายเป็นทัศนคติแห่งความซาบซึ้ง ที่จะเปลี่ยนแปลงไม่เพียงแต่มุมมองที่คุณมีต่อสิ่งต่างๆ การดำเนินชีวิตรวมของคุณจะเปลี่ยนไปด้วย
การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่เกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน แต่มันคือกระบวนการอันต่อเนื่อง แม้ว่าเส้นทางนี้จะหฤโหด จงรู้ไว้ว่าทุกๆ ก้าวที่เดินไปข้างหน้า จะพาคุณเข้าใกล้การมีทัศนคติแห่งความซาบซึ้งเป็นวิถีชีวิต แต่ละวันคือโอกาสใหม่ในการฝึกฝนความรู้สึกขอบคุณ คุณควรสร้างนิสัยในการชื่นชมสิ่งดีๆ ในชีวิต แม้เพียงช่วงเวลาแห่งความเงียบและการเปล่งเสียง “ขอบคุณ” ทุกวิธีการแสดงความซาบซึ้งใจล้วนมีความสำคัญ อย่าลืมว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เมื่อรวมกัน ย่อมก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อคุณเริ่มมองหาสิ่งที่ดีงามในทุกๆ เรื่องราว คุณจะเข้าใจว่าชีวิตคือของขวัญอันล้ำค่า
ขอบคุณสำหรับสิ่งเล็กๆ กันเถอะ ลองมาเห็นคุณค่าของสิ่งเรียบง่ายที่ทำให้ชีวิตประจำวันของเราน่าอยู่ ช่วงเวลาเหล่านี้อาจถูกมองข้าม แต่สามารถเปลี่ยนมุมมองของเรา และมอบความรู้สึกขอบคุณที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลองสังเกตสิ ความสำเร็จไม่ได้มีแค่ชัยชนะครั้งใหญ่หรือความสำเร็จอันโดดเด่นเท่านั้น แต่อยู่ในแสงอุ่นยามเช้า เสียงหัวเราะของเด็กๆ การได้ลิ้มรสกาแฟหอมกรุ่น หรือการอ่านหนังสือดีๆ ในวันที่ฝนโปรย สิ่งเล็กๆ เช่นนี้ต่างหาก ที่เราควรจะรู้สึกขอบคุณ เพราะมันเป็นรากฐานของชีวิตเรา จงซึมซับสิ่งเหล่านี้ เพลิดเพลินกับมัน และปล่อยให้มันหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคุณ
ดังนั้น เริ่มเลยตั้งแต่ตอนนี้ จงใส่ใจในของขวัญชิ้นเล็กๆ เหล่านี้ คุณจะเข้าใจเองว่าแท้จริงแล้วชีวิตของคุณดีกว่า กว้างขวางกว่า และงดงามกว่าที่คุณเคยคิด การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสามารถสร้างผลลัพธ์มหาศาล
แสดงความขอบคุณต่อผู้อื่น เมื่อคุณก้าวข้ามการรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งเล็กๆ ไปได้แล้ว คุณพร้อมแล้วที่จะยกระดับความซาบซึ้งใจไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยการแสดงออกต่อผู้คนรอบข้าง สร้างให้เป็นนิสัยประจำวัน จำไว้ว่าความรู้สึกขอบคุณเป็นเรื่องของการกระทำ ไม่ใช่แค่ความรู้สึก คุณอาจเริ่มจากการขอบคุณใครบางคนสำหรับความเมตตา ยอมรับในความพยายามของผู้อื่น หรือบอกครอบครัวและเพื่อนๆ ว่าคุณรักพวกเขามากแค่ไหน
การฝึกฝนนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกดีขึ้น แต่ยังช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจของคุณเองอีกด้วย การขอบคุณผู้อื่นจะจุดประกายปฏิกิริยาลูกโซ่แห่งความสุข ที่จะทำให้ชีวิตของคุณและผู้คนรอบข้างดีขึ้น
การเขียนบันทึกความรู้สึกขอบคุณสามารถช่วยให้หลายคนได้ค้นพบว่า มันสามารถทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณมากขึ้นในทุกๆ วัน บันทึกความขอบคุณคือเครื่องมืออันทรงพลัง ที่จะช่วยให้คุณเห็นความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตด้วยมุมมองใหม่
การเขียนสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณเป็นประจำทุกวัน สามารถเปลี่ยนวิธีที่คุณมองทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างแท้จริง มันจะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตคุณราวกับแม่เหล็ก
เมื่อคุณนับพรที่ได้รับและจดบันทึกไว้ คุณจะมองเห็นสิ่งดีๆ แม้ในยามที่เลวร้ายที่สุดได้ ซึ่งจะทำให้คุณแข็งแกร่งและยืดหยุ่นยิ่งกว่าเดิม ความรู้สึกขอบคุณแม้ในยามยากลำบากจะเปรียบดั่งประภาคาร ที่จะเผยให้เห็นแสงสว่างที่ฉาบไว้บนทุกๆ เมฆหมอก พร้อมมอบพละกำลังให้กับคุณ
เมื่อชีวิตไม่ได้ดั่งใจ อย่าพยายามซ่อนปัญหา แต่จงเผชิญหน้ากับมัน และมองหาสิ่งที่ทำให้หัวใจรู้สึกขอบคุณ จงขอบคุณที่คุณยังได้ฟังเพลงโปรดระหว่างรถติด ขอบคุณโอกาสที่จะได้เรียนรู้และเติบโต แม้ในยามยากลำบาก การรักษาความรู้สึกขอบคุณอาจไม่ง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกอย่างดูเลวร้าย แต่จำไว้ว่านั่นแหละ คือช่วงเวลาที่คุณต้องการมันมากที่สุด
ลองนึกถึงการแบ่งปันความรู้สึกนี้กับผู้อื่น เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการกล่าว “ขอบคุณ” บ่อยขึ้น บอกคนที่เคยช่วยเหลือคุณว่าคุณซาบซึ้งมากเพียงใด ทัศนคติแบบนี้อาจแพร่กระจายและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นทำเช่นเดียวกัน การกระทำของคุณจะช่วยให้ชุมชนเติบโตในวัฒนธรรมแห่งความซาบซึ้ง ซึ่งจะทำให้ทุกคนร่ำรวยยิ่งกว่าสิ่งของใดๆ
จงจำไว้ว่า ขั้นแรกสู่ความมั่งคั่งทางจิตใจ คือ การรู้จัก ‘ขอบคุณสิ่งที่มีอยู่‘ มันจะเป็นเหมือนประภาคารนำทางคุณไปสู่ความรัก ความมั่งคั่ง และความสุข หมั่นฝึกฝนสิ่งนี้เป็นประจำ และคุณจะได้เห็นโลกของคุณเปลี่ยนแปลงไป
คุณมีพลังที่จะทำให้ความปรารถนาในใจเป็นจริง เริ่มต้นวันนี้ด้วยกันเถอะ พึงตระหนักและซาบซึ้ง แล้วคุณจะเห็นว่าโลกตอบสนองกลับมาด้วยสิ่งดีๆ มากแค่ไหน คุณทำได้ เพียงแค่รู้สึกขอบคุณจากใจจริง