หากคุณได้มาอ่านถึงตรงนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณเคยอ่านหนังสือ “คิดแล้วรวย” (Think And Grow Rich) และเข้าใจว่า “เราเป็นในสิ่งที่เราคิด” คุณเขียนรายการสิ่งที่คุณต้อการ คุณท่องคำยืนยันเกี่ยวกับความร่ำรวยทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีเงินทองเข้ามา
เกิดอะไรขึ้น? ตามที่นโปเลียน ฮิลล์บอก เราควรจะรวยไม่ใช่เหรอ?
ความจริงก็คือ ถ้าคุณยังไม่ “มีจิตสำนึกร่ำรวย” (Wealth Consciousness) การคิดหรือบอกกับตัวเองว่าจะรวยหรือที่เรียกว่าการยืนยันเชิงบวกทุกวันจะไม่ทำให้คุณรวยได้ การคิดและการยืนยันเป็นเพียงการกระทำส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างความมั่งคั่ง ถ้าคุณข้ามขั้นตอนแรก คุณก็ไปไม่ถึงไหน
แล้วขั้นตอนแรกคืออะไร?
การ “เป็น” (Be)
เพื่อดึงดูดความมั่งคั่ง คุณต้อง “เป็นคนมั่งคั่ง” ก่อน จากนั้นจึงคิดแบบคนมั่งคั่ง พูดแบบคนมั่งคั่ง และลงมือทำแบบคนมั่งคั่ง
“แต่ฉันจะเป็นคนรวยได้ยังไงในเมื่อฉันยังไม่รวย?” คุณอาจถามแบบนี้
นั่นเป็นคำถามที่สมเหตุสมผลแล้วหละ แต่มันตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ผิดว่าคุณไม่มีความมั่งคั่ง คุณมีความมั่งคั่ง แต่คุณยังไม่รู้ตัวต่างหาก
คุณสร้างโลกแห่งความจริงที่ขัดขวางไม่ให้คุณสัมผัสกับความมั่งคั่ง ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ของควอนตัมฟิสิกส์
มาดูแนวคิดพื้นฐานของควอนตัมฟิสิกส์ที่จะอธิบายสิ่งที่ฉันกำลังพูดถึงกัน
ก่อนอื่นคุณน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าในระดับอนุภาค เราและทุกสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นพลังงาน เมื่อแยกย่อยออกมา เราต่างก็สร้างขึ้นจากสิ่งเดียวกันและเชื่อมโยงถึงกัน
จักรวาลก็คือมหาสมุทรแห่งพลังงานที่สั่นสะเทือนในความถี่ต่างๆ ทำให้เกิดภาพลวงตาว่าเราเป็นปัจเจก เราสัมผัสถึงความแยกจากกันของวัตถุทางกายภาพและความมั่งคั่ง เพราะ “ประสาทสัมผัส” ของเราถอดรหัสพลังงานรอบตัวเราในแบบที่สร้างโลกแห่งความจริงขึ้นมา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในความคิดของเรา
เพื่อให้ง่ายขึ้น (อีกหนึ่งภาพลวงตา) “สิ่งต่างๆ” มีอยู่ก็เพราะเราสังเกตเห็น การสังเกตของเราทำให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น หากปราศจากการสังเกต สิ่งต่างๆ ก็เป็นเพียง “คลื่น” หรือความเป็นไปได้ที่จะมีอยู่ ซึ่งนักฟิสิกส์เห็นด้วยกับเรื่องนี้
ความเชื่อของเราเป็นระบบพลังงานอันทรงพลังในชีวิต ความเชื่อของเราอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เกิดประสบการณ์บางอย่างในชีวิต รวมถึงความมั่งคั่ง ความเชื่อประกอบกันขึ้นเป็นตัวเรา
เรา “เป็น” ในโลกนี้ตามความเชื่อของเรา ถ้าเราเป็น “คนที่พยายามรวยด้วยการท่องคำยืนยัน” นั่นก็คือความจริงที่เราจะได้รับ เราจะ “พยายาม” รวยไปเรื่อยๆ
เราต้องตัดสินใจว่าเรา “เป็นคนรวย” ไม่ว่าหลักฐานทางกายภายนอกจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าสถานกรณ์รอบตัวของเราจะเป็นอย่างไร สิ่งต่างๆที่เราเห็นเหล่านั้นเป็นเพียงภาพลวงตาที่ตั้งอยู่บนระบบความเชื่อที่ชี้นำตัวเราจนถึงจุดนี้
คนที่ร่ำรวยอย่างแท้จริง ไม่ได้รวยเพราะมีเงิน แต่เขามีเงินเพราะเขาเป็นคนรวย! นี่คือความแตกต่างที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจกลับกัน
ยกตัวอย่างเช่น โทนี่ ร็อบบินส์ กลายเป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วสูญเสียทุกอย่างไปเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่ภายในหนึ่งปี เขาก็กลับมาร่ำรวยได้อีกครั้ง เขาทำได้อย่างไร?
ก็เพราะเขาไม่เคยสูญเสียความมั่งคั่ง เขาแค่เสียเงิน ซึ่งเป็นเพียงสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง เพราะเขามี “จิตสำนึกร่ำรวย” เขาจึง “ดึงดูด” ความมั่งคั่งเข้ามาในชีวิตอย่างแท้จริง ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรวย! เพราะนั่นคือตัวเขา!
และมีคนอีกหลายพันคนที่เหมือนเขา ดึงดูดความมั่งคั่งได้ง่ายๆ เพียงเพราะนั่นคือตัวตนของพวกเขา คุณก็สามารถตัดสินใจเช่นเดียวกันและได้รับผลลัพธ์แบบเดียวกันได้
ในทางกลับกัน คนที่เติบโตมาด้วย “จิตสำนึกแห่งความขาดแคลน” อาจถูกลอตเตอรี่ได้เงินหลายล้าน แต่ก็เสียไปภายในหนึ่งปี
จิตสำนึก หรือ พลังงาน ของพวกเขาไม่สามารถรักษาแรงดึงดูดความมั่งคั่งไว้ได้ เพราะพวกเขาไม่ได้ “ร่ำรวย” ในความเป็นตัวตน
แต่อย่างที่บอก ความมั่งคั่งคือการตัดสินใจ ถ้าตอนนี้คุณยังไม่พบกับความมั่งคั่ง คุณต้องตระหนักก่อนว่าความอุดมสมบูรณ์มีอยู่ทุกที่ ที่จริงแล้วมันคือทั้งหมดที่มี ความยากจนและความขาดแคลนเป็นเพียงภาพลวงตา
คุณสามารถเปลี่ยนจิตสำนึกของคุณให้เป็นความมั่งคั่ง หรือ “เป็น” ความมั่งคั่งได้ เพียงแค่ตัดสินใจ จากนั้นความคิด คำพูด และการกระทำของคุณจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับความมั่งคั่งที่เป็นของคุณ!
นี่เป็นเรื่องซับซ้อนที่ท้าทายระบบความเชื่อหลักของเรา แต่ระบบความเชื่อเหล่านี้เองที่ทำให้คนเราอยู่ในสภาวะขาดแคลน
ลองพิจารณาสถานการณ์ทางการเงินของคุณในปัจจุบัน ดูความเชื่อหลักของคุณเกี่ยวกับความมั่งคั่งและตัวคุณ แล้วดูว่าชีวิตของคุณเป็นภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบของความเชื่อของคุณหรือไม่
จากนั้นดูว่าความเชื่อเหล่านั้นอาจมีต้นกำเนิดมาจากไหน เมื่อคุณตระหนักได้ว่าความเชื่อของคุณสร้างความจริงของคุณ ไม่ใช่ในทางกลับกัน คุณก็มีอิสระที่จะสัมผัสกับความจริงแห่งความมั่งคั่งที่คุณคู่ควร!