เนื้อหาต่อไปนี้เป็นการคัดมาจากหนังสือศาสตร์แห่งความร่ำรวย ของ วอลเลต ดี วัสเทิล ที่โด่งดัง โดยอยู่ในบที่ 11 ที่ชื่อว่า “ปฏิบัติด้วยวิธีถูกต้องเท่านั้นถึงจะรวย” ซึ่งถือว่าเป็นบทที่สำคัญที่สุดในเล่มเพราะบอกวิธีลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างความร่ำรวย
แต่การปฏิบัติที่ว่ากลับไม่ใช่การทำงานหนัก การขยันหมั่นเพียร อดทน หรือทำงานอย่างฉลาดแต่อย่างได หรือต้องประหยัดอดออม และไม่ใช่แม้แต่จะเกี่ยวกับการมีความรู้หรือทักษะเฉพาะด้านแต่อย่างได
ความเป็นจริงที่เห็นกันตลอดมาน่าจะพิสุจน์อะไรบางอย่างได้ว่าเนื้อหานี้สะท้อนความเป็นจริง นั่นก็คือจากที่เราเห็นในโลกคือในบรรดาคนที่ทำงานหนัก ขยัน หมั่นเพียร อดทน ก็มีทั้งคนรวยคนจน นั่นแสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่นอกเหนือจากเรื่องพวกนี้คนรวยทำเหมือนกันถึงรวย
เนื้อหานี้จะบอกว่าพวกเขาทำอะไรที่เหมือนกันถึงได้รวย เรามาเริ่มกันเลย
ความคิดคือพลังสร้างสรรค์หรือแรงผลักดันที่ทำให้เกิดการกระทำที่ทรงพลัง หรือพูดได้ว่าการคิดในแบบใดแบบหนึ่งจะนำความมั่งคั่งมาให้คุณ แต่การคิดแบบมั่วๆสั่วๆจะไม่สามารถพาตัวคุณไปไปไหนได้เลย
การที่จะร่ำรวยนั้นคุณต้องไม่พึ่งพาแค่ความคิดเพียงอย่างเดียว โดยไม่ใส่ใจการลงมือทำ นี่คือจุดที่นักคิดที่เก่งกาจหลายคนต้องพบกับความล้มเหลว คือการไม่เชื่อมโยงความคิดกับการลงมือทำ
มนุษย์เรายังไปไม่ถึงขั้นที่สามารถสร้างสิ่งต่างๆจากความว่างเปล่าได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทางธรรมชาติหรือการทำงาน คนเราไม่เพียงแต่ต้องคิดเท่านั้นแต่การลงมือทำต้องสนับสนุนความคิดนั้นด้วย
ความคิดของคุณทำให้ทุกสิ่ง ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ทำงานเพื่อนำสิ่งที่คุณต้องการมาให้คุณ แต่การลงมือทำของคุณต้องไปในทางที่ทำให้คุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการอย่างถูกต้องเมื่อมันมาถึง คุณไม่ควรเน้นการมีสิ่งของที่ต้องการจากการเรียไร่และคุณก็ไม่ควรขโมยมันมา คุณต้องให้คุณค่าแก่คนที่ให้ของนั้นมามากกว่าที่เขาให้คุณในรูปของเงิน
การใช้ความคิดอย่างชาญฉลาดคือการสร้างภาพในใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการ ยึดมั่นในจุดมุ่งหมายที่จะได้สิ่งนั้น และตระหนักด้วยความเชื่อมั่นว่าคุณจะได้สิ่งที่คุณต้องการ
อย่าพยายาม “ฉาย” ความคิดของคุณในทางลึกลับหรือเร้นลับ โดยหวังว่าความคิดนั้นจะออกไปทำสิ่งต่างๆให้คุณ นั่นคือความพยายามที่สูญเปล่าและจะทำให้พลังความคิดของคุณอ่อนแอลง
การทำงานของความคิดในการสร้างความมั่งคั่งได้อธิบายไว้ว่า ความเชื่อและจุดมุ่งหมายของคุณจะส่งผลต่อพลังจักรวาล ซึ่งมีความปรารถนาในชีวิตที่มากขึ้นเหมือนกับคุณ และภาพนี้ที่ได้รับจากคุณ จะทำให้พลังสร้างสรรค์ทั้งหมดทำงานผ่านช่องทางปกติของพวกมัน แต่มีเป้าหมายไปที่คุณ
ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะชี้นำหรือควบคุมกระบวนการสร้างสรรค์นั้น สิ่งที่คุณต้องทำคือรักษาวิสัยทัศน์ของคุณ ยึดมั่นในเป้าหมาย และรักษาความเชื่อและความกตัญญูเอาไว้
แต่คุณต้องลงมือทำเพื่อที่คุณจะสามารถรับสิ่งที่เป็นของคุณเมื่อมันมาถึง และเพื่อที่คุณจะได้พบกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในภาพของคุณและวางมันในที่ที่เหมาะสมเมื่อมันมาถึง
คุณสามารถมองเห็นความจริงในเรื่องนี้ได้ เมื่อสิ่งต่างๆที่คุณต้องการมาถึงคุณ มันจะอยู่ในมือของคนอื่นก่อน ซึ่งจะขอสิ่งที่เทียบเท่าเป็นการแลกเปลี่ยน และคุณจะได้ในสิ่งที่เป็นของคุณโดยการให้สิ่งตอบแทนอย่างอื่นที่ควรจะเป็นของเขาอย่างถูกต้องแก่บุคคลนั้นๆ (ความหมายคือการจะได้อะไรมาซักอย่างอย่างถูกต้องต้องผ่านธุรกรรมอะไรบางอย่าง)
แน่นอนว่ากระเป๋าเงินของคุณจะไม่เปลี่ยนเป็นกระเป๋าหลุยส์ที่เต็มไปด้วยเงินโดยที่คุณไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ
นี่คือจุดสำคัญในศาสตร์แห่งการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ตรงจุดนี้ที่ความคิดและการลงมือทำส่วนบุคคลต้องทำงานร่วมกัน มีคนจำนวนมากที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ได้กระตุ้นพลังแห่งการสร้างสรรค์ด้วยความขยันแข็งและความมุ่งมั่นในความปรารถนาของพวกเขา แต่พวกเขายังคงยากจนเพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการรับสิ่งที่พวกเขาต้องการเมื่อมันมาถึง
นี่คือหัวใจสำคัญ “ด้วยความคิดสิ่งที่คุณต้องการจะถูกนำมาให้คุณ ด้วยการลงมือทำคุณจะได้รับมัน”
ไม่ว่าการกระทำของคุณจะเป็นอะไร เห็นได้ชัดว่าคุณต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ คุณไม่สามารถลงมือทำในอดีต และมันเป็นสิ่งสำคัญต่อวิสัยทัศน์ทางจิตใจที่ชัดเจนของคุณที่คุณต้องลืมอดีตไป
และก็เช่นกันคุณไม่สามารถลงมือทำในอนาคต เพราะอนาคตยังมาไม่ถึง และคุณไม่สามารถบอกได้ว่าคุณจะต้องการลงมือทำอย่างไรในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ จนกว่าสถานการณ์นั้นจะมาถึง
ถ้าหากคุณไม่ได้อยู่ในธุรกิจที่เหมาะสมหรือสภาพแวดล้อมที่ถูกต้องในตอนนี้อย่าคิดว่าคุณต้องรอจนกว่าคุณจะได้อยู่ในธุรกิจหรือสภาพแวดล้อมที่ถูกต้องแล้วค่อยลงมือทำ และอย่าใช้เวลาในปัจจุบันหมกมุ่นอยู่กับการคิดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
จงเชื่อมั่นในความสามารถของคุณที่จะรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินใดๆ เมื่อมันมาถึง ถ้าคุณลงมือทำในปัจจุบันโดยที่ใจของคุณจดจ่ออยู่กับอนาคต การกระทำในปัจจุบันของคุณจะไม่เต็มที่และจะไม่ได้ผล
ให้ทุ่มเทความคิดทั้งหมดของคุณให้กับการกระทำในปัจจุบัน
อย่ามอบแรงความคิดสร้างสรรค์ของคุณให้กับพลังของจักรวาลอย่างเดียวแล้วก็นั่งรอผลลัพธ์ ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณจะไม่ได้รับมัน คุณต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ ไม่มีเวลาใดนอกจากตอนนี้ และจะไม่มีเวลาใดนอกจากตอนนี้อีกแล้ว
ถ้าคุณต้องการจะเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการรับสิ่งที่คุณต้องการ คุณต้องเริ่มเดี๋ยวนี้
และการกระทำของคุณ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ส่วนใหญ่แล้วจะต้องอยู่ในธุรกิจหรือการจ้างงานปัจจุบันของคุณ และต้องกระทำต่อบุคคลและสิ่งต่างๆ ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันของคุณ
คุณไม่สามารถลงมือทำในที่ที่คุณไม่ได้อยู่ คุณไม่สามารถลงมือทำในที่ที่คุณเคยอยู่ และคุณไม่สามารถลงมือทำในที่ที่คุณกำลังจะไป คุณสามารถลงมือทำได้เฉพาะในที่ที่คุณอยู่เท่านั้น
อย่ากังวลว่างานเมื่อวานจะทำได้ดีหรือไม่ดี ทำงานวันนี้ให้ดีก็พอ อย่าพยายามทำงานของพรุ่งนี้ในวันนี้ จะมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำเมื่อถึงเวลา
อย่าพยายามใช้วิธีลึกลับหรือเร้นลับเพื่อกระทำต่อผู้คนหรือสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ อย่ารอให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงก่อนจึงจะลงมือทำ จงเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมด้วยการลงมือทำ
คุณสามารถลงมือทำในสภาพแวดล้อมที่คุณอยู่ตอนนี้ เพื่อทำให้ตัวคุณเองถูกย้ายไปยังสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น
ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ของตัวคุณเองในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยศรัทธาและจุดมุ่งหมาย แต่จงลงมือทำในสภาพแวดล้อมปัจจุบันของคุณด้วยสุดหัวใจ สุดกำลัง และสุดความคิด
อย่าใช้เวลาไปกับการฝันกลางวันหรือการสร้างวิมานในอากาศ จงยึดมั่นในวิสัยทัศน์เดียวของสิ่งที่คุณต้องการ และลงมือทำเดี๋ยวนี้
อย่าเสียเวลาแสวงหาสิ่งใหม่ที่จะทำ หรือการกระทำที่แปลกประหลาดหรือไม่ธรรมดา เพื่อเป็นก้าวแรกสู่ความร่ำรวย คนที่ร่ำรวยมาแล้วส่วนมากไม่ได้ทำอะไรที่แปลกประหลาดไปจากที่คนอื่นๆที่ทำกันมา
เป็นไปได้ว่าการกระทำของคุณอย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่งข้างหน้าจะเป็นสิ่งเดียวกับที่คุณทำมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่คุณต้องเริ่มตอนนี้เพื่อทำการกระทำเหล่านี้ในวิธีที่แน่นอน ซึ่งจะทำให้คุณร่ำรวยอย่างแน่นอน
ถ้าคุณกำลังทำธุรกิจบางอย่าง และรู้สึกว่ามันไม่ใช่ธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับคุณ อย่ารอจนกว่าคุณจะได้ทำธุรกิจที่เหมาะสมก่อนจึงจะเริ่มลงมือทำ
จงรักษาวิสัยทัศน์ของตัวคุณเองในธุรกิจที่เหมาะสม โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเข้าไปทำธุรกิจนั้น และมีความเชื่อว่าคุณจะได้ทำธุรกิจนั้น และกำลังเข้าไปทำธุรกิจนั้น แต่จงลงมือทำในธุรกิจปัจจุบันของคุณ
ใช้ธุรกิจปัจจุบันของคุณเป็นเครื่องมือในการได้ธุรกิจที่ดีกว่า และใช้สภาพแวดล้อมปัจจุบันของคุณเป็นเครื่องมือในการเข้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่ดีกว่า วิสัยทัศน์เกี่ยวกับธุรกิจที่เหมาะสมของคุณ ถ้าคุณยึดมั่นด้วยศรัทธาและจุดมุ่งหมาย จะทำให้พลังสูงสุดผลักดันธุรกิจที่เหมาะสมมาหาคุณ และการกระทำของคุณ ถ้าทำในวิธีที่แน่นอน จะทำให้คุณเคลื่อนไปสู่ธุรกิจนั้น
ถ้าคุณเป็นลูกจ้างหรือผู้รับค่าจ้าง และรู้สึกว่าคุณต้องเปลี่ยนที่ทำงานเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการ อย่า “ฉาย” ความคิดของคุณออกไปในอวกาศและหวังพึ่งมันเพื่อให้คุณได้งานใหม่ มันอาจจะไม่เป็นผล
จงรักษาวิสัยทัศน์ของตัวคุณเองในงานที่คุณต้องการ ในขณะที่คุณลงมือทำในงานที่คุณมีอยู่ด้วยศรัทธาและจุดมุ่งหมาย และคุณจะได้งานที่คุณต้องการอย่างแน่นอน
วิสัยทัศน์และศรัทธาของคุณจะทำให้พลังสร้างสรรค์เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อนำมันมาหาคุณ และการกระทำของคุณจะทำให้พลังในสภาพแวดล้อมของคุณผลักดันคุณไปยังสถานที่ที่คุณต้องการ
สรุป
หลังจากอ่านเนื้อหามาทั้งหมดแล้วคุณอาจจะคิดว่าเนื้อหาก็ไม่ได้บอกว่าต้องทำอะไรถึงจะรวย ซึ่งก็ใช่ตามนั้นแหละเพราะหนังสือ The Science of Getting Rich เขียนมาแล้วร้อยกว่าปีย่อมไม่บอกว่าต้องทำอะไรเพราะยุคสมัยต่างกัน
แต่หาลองจับใจความสำคัญจะพบว่าผู้เขียนพยายามย้ำหัวใจสำคัญของการปฏิบัติเพื่อไปสู่ความร่ำรวย โดยมีแก่นสารดังนี้
- ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการอะไร จินตนาการสร้างภาพในใจให้ชัดเจนว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน เช่น มีเงิน มีบ้าน มีรถ มีงาน ประสบความสำเร็จ ฯลฯ
- ลงมือทำตั้งแต่วันนี้โดยยึดเป้าหมายนั้นเป็นหลักและรักษาภาพความสำเร็จในใจนั้นไว้ตลอด
- ละทิ้งความคิดหมกมุ่นกับผลของสิ่งที่ทำไว้ในอดีต และไม่กังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้รักษาภาพความสำเร็จละสิ่งที่ต้องการไว้ในใจตลอดเวลาและศรัทธาว่าจะได้ตามนั้น
- คนเราจะได้สิ่งหนึ่งสิ่งไดได้ก็ต่อเมื่อเราสร้างคุณค่าของเราแก่คนอื่นก่อนผ่านสินค้าและบริการ
- ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่พิศดารเพื่อจะสร้างความร่ำรวย คนรวยส่วนมากทำอย่างที่คนอื่นๆทั่วไปทำกัน แต่พวกเขาได้ดีกว่าโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น และมีศรัทธาในสิ่งที่พวกเขาทำว่าจะต้องสำเร็จ