ตั้งแต่เนื้อหาบทนี้เป็นต้นไปจำนวน 15 บท ของเว็บ sedtee.com ของเราจะเป็นเนื้อหาการแปลหนังสือ The Kybalion ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่สำคัญที่สุดในบรรดาสาขาวรรณกรรมลึกลับ หนังสือเล่มนี้มักถูกใช้เป็นคู่มือสำหรับการทำความเข้าใจธรรมชาติของความเป็นจริง และปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ โดยเราจะแปลเป็นภาษาไทยทั้งเล่ม ซึ่งยังไม่มีการแปลแบบสมบูรณ์โดยที่ไหนมาก่อน
หากคุณเป็นสายอ่านอย่างจริงจังเนื้อหาแนวคิดการไขปริศนาของจักรวาลเพื่อนำไปพัฒนาตัวเอง และหาทางบรรลุเป้าหมายที่คุณต้องการมาตลอด คุณได้มาถูกที่แล้ว
The Kybalion เป็นหนังสือที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1908 เผยแพร่โดยใช้นามแฝงว่า “ผู้ศรัทธาสามประการ” (“The Three Initiates”) เนื้อหาในหนังสืออ้างว่าเป็นการสื่อถึงคำสอนของ Hermes Trismegistus ที่กล่าวมาในบทที่แล้ว
ตลอดประวัติศาสตร์หลายคนค้นหาและพยายามที่จะเข้าถึงหลักการเหล่านี้ เพื่อยกระดับชีวิตของตนให้ดีขึ้นและควบคุมมันได้ด้วยตัวเอง
หนังสือ The Kybalion กล่าวถึงหลักปรัชญาเฮอร์เมติก 7 ประการ ซึ่งเป็นพื้นฐานของศาสตร์ลึกลับหลายแขนง หลักการเหล่านี้ ได้แก่
- หลักจิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (The Principle of Mentalism)
- หลักการสอดคล้อง (The Principle of Correspondence)
- หลักการสั่นสะเทือน (The Principle of Vibration)
- หลักการต่างขั้ว (The Principle of Polarity)
- หลักการของจังหวะ (The Principle of Rhythm)
- หลักการของเหตุและผล (The Principle of Cause and Effect)
- หลักการของเพศสภาพ (The Principle of Gender)
The Kybalion ไม่ได้เป็นหนังสือที่สอนวิธีการใช้เวทมนตร์คาถา แต่เป็นการนำเสนอปรัชญาและหลักการที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตเพื่อพัฒนาตนเอง เข้าใจธรรมชาติของจักรวาล และค้นพบความจริงอันยิ่งใหญ่
มีคำกล่าวว่าหากเข้าใจ The Kybalion อย่างถ่องแท้แล้วก็จะเข้าใจกฏธรรมชาติ จักรวาล และจะเปลี่ยนแปลงตัวเราเองได้อย่างยิ่งยวดทั้งในเรื่องความสำเร็จ การเงิน ความสัมพันธ์ และด้านอื่นๆ โดยเฉพาะมุมมองเรื่องการเงินจะเปลี่ยนไป จากที่เคยมองว่าเงินนั้นเป็นสิ่งที่หายาก ต้องลำบากกว่าจะได้มันมา หรือเงินเป็นต้นตอของความชั่ว ฯลฯ ก็จะเปลี่ยนไปเป็นการมองว่าเงินคือสิ่งที่สมมุติขึ้น เมื่อมันเป็นสิ่งสมมุติก็แสดงว่ามันเชื่อมโยงกับจิตใจ ใจเราก็สามารถดึงดูดเงินทองได้ เป็นต้น
โดยรวมแล้วเชื่อกันว่า The Kybalion สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กับชีวิต (ในทางที่ดีขึ้น) ดังต่อไปนี้
1. เปลี่ยนวิธีคิด:
- หลักการเฮอร์เมติกช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของจักรวาลและความคิดของเรา
- ช่วยให้ตระหนักถึงพลังของความคิด และเรียนรู้วิธีควบคุมความคิด
- ช่วยให้คิดบวก มองโลกในแง่ดี และเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง
2. เพิ่มพูนศักยภาพ:
- หลักการเฮอร์เมติกช่วยให้เข้าใจกฎแห่งแรงดึงดูด
- ช่วยให้เรียนรู้วิธีดึงดูดสิ่งที่ต้องการในชีวิต
- ช่วยให้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มพูนศักยภาพที่มีอยู่
3. เข้าใจความสัมพันธ์:
- หลักการเฮอร์เมติกช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับจักรวาล
- ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์
- ช่วยให้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
4. ค้นพบเป้าหมายในชีวิต:
- หลักการเฮอร์เมติกช่วยให้เข้าใจจุดประสงค์ของชีวิต
- ช่วยให้ค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเอง
- ช่วยให้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
หนังสือ The Kybalion เล่มนี้ไม่มีตีพิมพ์แปลเป็นภาษาไทย ถ้าจะหาอ่านต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่เว็บ sedtee.com ของเราได้แปลออกมาให้แล้วที่นี่ให้แล้ว
งั้นมาเรียนรู้กันเลยทีละบท เนื้อหาของวันนี้จะเป็นของบทแรกก่อน และหลังจากนั้นจะเป็นโพสต์ละบท ทั้งหมดมี 15 บท แต่ละบทให้เวลาอ่านประมาณ 30 นาที อ่านวันละ 1-2 บท ก็ใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่าๆ แล้วเรามาดูว่ามันจะช่วยเปลี่ยนชีวิตของคุณได้ไหม
เรามาเริ่มกันเลย
บทที่ 1 ปรัชญาเฮอร์เมติก
“ปากแห่งปัญญาจะปิดสนิท ยกเว้นเมื่อมีหูแห่งความเข้าใจมาสดับฟัง” — ไคบาเลียน
จากอียิปต์โบราณ ต้นกำเนิดของพีระมิดและสฟิงซ์ ได้หล่อหลอมคำสอนลึกลับอันทรงอิทธิพลต่อปรัชญาของทุกชนชาติ เผ่าพันธุ์ และผู้คนมายาวนานหลายพันปี ดินแดนแห่งไอซิส (อียิปต์) เป็นแหล่งกำเนิดของ “ปัญญาอันซ่อนเร้น” และ “คำสอนลึกลับ” ซึ่งบรรดาชาติต่างๆ ล้วนได้รับอิทธิพลจาก “หลักคำสอนลับ” นี้ อินเดีย เปอร์เซีย ชาลเดีย มีเดีย จีน ญี่ปุ่น อัสซีเรีย กรีกโบราณ และโรม
ต่างก็ร่วมดื่มด่ำกับ “งานเลี้ยงแห่งความรู้” อันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเหล่า “ผู้หยั่งรู้” และ “อาจารย์” แห่งดินแดนแห่งนี้มอบให้แก่ผู้ที่เตรียมพร้อมที่จะรับเอา เหล่า “ผู้เชี่ยวชาญ” ของอียิปต์โบราณได้รวบรวม “คลังความรู้ลึกลับอันยิ่งใหญ่” ไว้
ความรู้เหล่านี้ถูกส่งต่อโดยเหล่า “ผู้เชี่ยวชาญ” “ผู้เชี่ยวชาญ” และ “ผู้เชี่ยวชาญ” อีกหลายท่าน ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียง “ผู้เบื้องต้น” ที่ก้าวผ่านประตูวิหารแห่งอียิปต์ พวกเขาเดินทางไปยังทุกมุมโลก พร้อมแบ่งปันความรู้อันล้ำค่าแก่ผู้ที่พร้อมรับ นักศึกษาทุกคนในสายลึกลับต่างยอมรับใน “หนี้บุญ” ที่พวกเขามีต่อเหล่า “อาจารย์ผู้เคารพ” แห่งดินแดนอันเก่าแก่แห่งนี้
ท่ามกลางปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอียิปต์โบราณนั้น ครั้งหนึ่งเคยมีผู้หนึ่งที่เหล่าปรมาจารย์ยกย่องให้เป็น “ปรมาจารย์เหนือปรมาจารย์” บุรุษผู้นี้ หากจะเรียกได้ว่าเป็นเพียง “บุรุษ” ได้จริง ได้พำนักอยู่ในอียิปต์ช่วงยุคแรกเริ่ม
เขาเป็นที่รู้จักในนาม เฮอร์มีส ทริสเมจิสตัส บิดาแห่งปัญญาเร้นลับ ผู้ก่อตั้งศาสตร์โหราศาสตร์ และผู้ค้นพบศาสตร์เล่นแร่แปรธาตุ รายละเอียดเรื่องราวชีวิตของเขานั้นสูญหายไปตามกาลเวลา
แม้กระทั่งประเทศโบราณหลายแห่งยังคงแก่งแย่งกันเพื่ออ้างสิทธิ์ว่าเป็นสถานที่กำเนิดของเขาเมื่อหลายพันปีก่อน วันเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในอียิปต์ช่วงอวตารสุดท้ายบนโลกนี้ไม่อาจทราบได้แน่ชัด แต่ได้มีการประมาณการณ์ว่าอยู่ในช่วงต้นของยุคราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดของอียิปต์ นานมากก่อนยุคของโมเสส
ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำมองว่าเขาเป็นบุคคลร่วมสมัยกับอับราฮัม และบางส่วนของตำนานยิวอ้างว่าอับราฮัมได้รับส่วนหนึ่งของความรู้ลึกลับของเขาจากเฮอร์มีสด้วยตนเอง
พอเวลาผ่านไปหลังจากที่เขาจากโลกนี้ไป (มีเรื่องเล่ากันว่าเขาใช้ชีวิตในร่างกายมนุษย์ถึงสามร้อยปีเลยนะ) ชาวอียิปต์ก็ยกย่องเฮอร์มีสให้เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง เรียกเขาว่า ‘ธอธ’ หลังจากนั้นอีกหลายปี
ชาวกรีกโบราณก็ให้เขาเป็นหนึ่งในเทพเจ้ามากมายของพวกเขาเหมือนกัน โดยเรียกเขาว่า ‘เฮอร์มีส เทพเจ้าแห่งปัญญา’ ชาวอียิปต์เทิดทูนเขาอยู่หลายศตวรรษ…เออ หลายสิบศตวรรษเลยล่ะ เรียกเขาว่า ‘ผู้จดบันทึกแห่งทวยเทพ’
แถมยังตั้งฉายาเก่าแก่ว่า ‘ทริสเมจิสตัส’ ซึ่งแปลประมาณว่า ‘ยิ่งใหญ่สามเท่า’ ‘ยิ่งใหญ่มากๆ’ ประมาณนั้นแหละ ไม่ว่าจะดินแดนโบราณที่ไหนๆ ชื่อของเฮอร์มีส ทริสเมจิสตัส นี่ได้รับการเคารพสุดๆ เป็นเหมือนตัวแทนของ ‘บ่อเกิดแห่งปัญญา’ เลยทีเดียว
จนถึงทุกวันนี้ เรายังคงใช้คำว่า ‘เฮอร์เมติก’ ในความหมายแบบ ‘ลับๆ’ ‘ปิดผนึกจนไม่มีอะไรเล็ดลอด’ ประมาณนั้นแหละ เหตุผลก็เพราะว่าสาวกของเฮอร์มีสนี่เขาเน้นเรื่องเก็บความลับของคำสอนสุดๆ
เขาไม่เชื่อว่าจะเอาของดีไปโยนให้คนที่ไม่เห็นคุณค่าหรอก แต่จะยึดหลักประมาณว่า ‘มีแต่นมให้เด็กอ่อน เนื้อต้องสำหรับคนแข็งแรง’ ซึ่งสุภาษิตพวกนี้คนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิลคงคุ้นดี แต่มันถูกพวกชาวอียิปต์ใช้กันมาเป็นร้อยๆ ปีก่อนยุคของศาสนาคริสต์อีกนะ
พวกสาวกเฮอร์มีสเน้นการถ่ายทอดความจริงอย่างระมัดระวังมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น คำสอนพวกนี้มีอยู่ในทุกดินแดน ทุกศาสนา แต่ไม่เคยผูกขาดกับที่ไหนหรือลัทธิไหนเป็นพิเศษ ก็เพราะพวกครูบาอาจารย์โบราณเขาเตือนไว้ว่าอย่าให้ความรู้ลับพวกนี้ตกผลึกกลายเป็นหลักคำสอนตายตัว
ใครๆที่ศึกษาประวัติศาสตร์ก็คงเห็นว่าคำเตือนนี้ฉลาดแค่ไหน ลองดูพวกศาสตร์ลึกลับโบราณของอินเดียหรือเปอร์เซียก็แล้วกัน ตอนนี้เสื่อมถอยและหายไปเยอะเลย เพราะครูกลายเป็นนักบวช เอาปรัชญามาปนกับศาสนา สุดท้ายเลยกลืนหายไปกับความงมงาย ความเชื่อแบบสุดโต่ง และเทพเจ้าต่างๆ สมัยกรีกโบราณ
โรมโบราณก็เหมือนกัน คำสอนแบบเฮอร์เมติกของพวกนอสติกและคริสเตียนยุคแรกก็หายไปตอนสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ปกครองแบบเผด็จการ เอาศาสนามากดปรัชญาไว้ สุดท้ายโบสถ์คริสต์ก็หลงทางไปหลายร้อยปี กว่าจะหาทางกลับมาเจอความเชื่อแบบดั้งเดิมได้ ซึ่งถ้าเราดูดีๆ ในศตวรรษที่ 20 นี้ ก็จะเห็นว่าโบสถ์เองก็กำลังพยายามกลับไปหาคำสอนลึกลับแบบโบราณอยู่เหมือนกัน
แต่ก็ยังมีจิตวิญญาณผู้ศรัทธาเพียงหยิบมือที่คอยรักษาเปลวไฟนี้ไว้ คอยทะนุถนอมอย่างระมัดระวัง ไม่ยอมให้แสงสว่างของมันดับมอดลง และต้องขอบคุณหัวใจที่มุ่งมั่นและจิตใจที่ไร้ซึ่งความกลัวเหล่านี้ ที่ทำให้เรายังมีสัจธรรมอยู่กับเรา
ทว่า…ความจริงนี้ไม่ได้ถูกพบในหนังสือเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่มันถูกส่งต่อจากอาจารย์สู่นักเรียน จากผู้เริ่มต้นสู่ผู้รู้แจ้ง ผ่านการบอกเล่าแบบปากต่อปาก หากจะมีการบันทึกไว้ ก็จะถูกบดบังความหมายด้วยศัพท์ทางแร่ธาตุวิทยาและโหราศาสตร์ เพื่อให้มีเพียงผู้ที่ครอบครองกุญแจเท่านั้นที่อ่านออก
นี่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการกดขี่จากนักเทววิทยาในยุคกลาง ผู้ต่อสู้กับคำสอนลับด้วยไฟและดาบ ด้วยหลักประหาร เสาแขวนคอ และไม้กางเขน แม้กระทั่งทุกวันนี้ เราจะพบหนังสือที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับปรัชญาเฮอร์เมติกเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น ทั้งๆ ที่มีการอ้างอิงปรัชญานี้มากมายในหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับต่างๆ
กระนั้นปรัชญาเฮอร์เมติกก็ยังเป็นกุญแจสำคัญเพียงดอกเดียวที่จะไขทุกบานประตูแห่งคำสอนลึกลับ!
ในยุคแรกเริ่ม มีการรวบรวมหลักคำสอนพื้นฐานของเฮอร์เมติกที่ส่งต่อจากอาจารย์สู่นักเรียน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “THE KYBALION” (ไคบาเลียน) แต่ความหมายแท้จริงของคำนี้ได้สูญหายไปหลายศตวรรษแล้ว
อย่างไรก็ตาม คำสอนนี้ยังเป็นที่รู้จักของคนจำนวนมากที่สืบทอดกันมาแบบปากต่อปาก จากรุ่นสู่รุ่นตลอดหลายศตวรรษ หลักการของมันไม่เคยถูกเขียนหรือตีพิมพ์ลงไปเท่าที่เรารู้ แต่เป็นเพียงการรวบรวมคติพจน์ กฎเกณฑ์ และข้อบัญญัติ ที่คนนอกจะไม่เข้าใจ
แต่เหล่าผู้ศึกษานั้นจะเข้าใจได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กฎเกณฑ์และคติพจน์เหล่านี้ได้รับการอธิบายและยกตัวอย่างโดยผู้รู้แจ้งแห่งเฮอร์เมติกให้กับผู้เริ่มต้นฟัง คำสอนเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่แท้จริงของ “ศิลปะแห่งการเล่นแร่แปรธาตุแบบเฮอร์เมติก” ซึ่งต่างจากความเชื่อทั่วไป
ศาสตร์นี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมพลังจิต มากกว่าการจัดการกับธาตุต่างๆ ว่าด้วยการแปรเปลี่ยนรูปแบบการสั่นสะเทือนทางจิตแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แทนที่จะเป็นการเปลี่ยนโลหะชนิดหนึ่งเป็นอีกชนิดหนึ่ง ตำนาน “ศิลาอาถรรพ์” ที่สามารถเปลี่ยนโลหะพื้นฐานให้เป็นทองคำได้ ก็เป็นเรื่องเปรียบเทียบในปรัชญาเฮอร์เมติกเช่นกัน ซึ่งเหล่าผู้ศึกษาศาสตร์เฮอร์เมติกที่แท้จริงจะเข้าใจได้ทันที
ในหนังสือเล่มเล็กๆ นี้ ซึ่งถือเป็นบทเรียนแรก เราขอเชิญชวนให้ผู้ศึกษาของเราได้พิจารณาคำสอนของเฮอร์เมติกตามที่ปรากฏใน THE KYBALION (ไคบาเลียน) พร้อมกับคำอธิบายจากเรา ผู้ศึกษารุ่นหลังที่แม้จะได้รับตำแหน่งผู้รู้แจ้งแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นเพียงนักเรียนที่นั่งแทบเท้าของเฮอร์มีส อาจารย์ของเรานั่นเอง ในที่นี้
เราขอมอบคติพจน์ กฎเกณฑ์ และข้อบัญญัติมากมายจากไคบาเลียน พร้อมทั้งคำอธิบายประกอบและภาพตัวอย่าง ซึ่งเราเชื่อว่าจะยิ่งทำให้คำสอนเหล่านี้เข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ศึกษาในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเนื้อหาต้นฉบับนั้นถูกปิดบังไว้ด้วยถ้อยคำที่คลุมเครือโดยเจตนา
คติพจน์ กฎเกณฑ์ และข้อบัญญัติดั้งเดิมจาก “THE KYBALION” (ไคบาเลียน) จะถูกพิมพ์ไว้ในหนังสือเล่มนี้พร้อมเครื่องหมายคำพูด และระบุที่มาอย่างถูกต้อง ส่วนงานของพวกเราจะถูกพิมพ์ตามแบบปกติทั่วไปภายในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้
เราเชื่อว่าผู้ศึกษาจำนวนมากที่เราขอมอบหนังสือเล่มเล็กๆ นี้ให้ จะได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้บทเรียนต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้มากพอๆ กับผู้ที่เคยก้าวเดินมาก่อนบนเส้นทางเดียวกันสู่ความเป็นปรมาจารย์นี้ ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่ยุคสมัยของ HERMES TRISMEGISTUS (เฮอร์มีส ไตรเมจิสทัส) อาจารย์แห่งเหล่าอาจารย์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ดั่งคำกล่าวใน “THE KYBALION” ว่า:
“ณ ที่ซึ่งฝีเท้าของอาจารย์ก้าวผ่าน หูของผู้พร้อมสำหรับคำสอนจะเปิดกว้าง” – The Kybalion.
“เมื่อหูของผู้ศึกษามีความพร้อมจะรับฟัง ปากผู้เปี่ยมปัญญาก็จะปรากฏเพื่อให้ปัญญา” – The Kybalion
ดังนั้น ตามหลักคำสอน การที่หนังสือเล่มนี้ได้เดินทางมาถึงมือผู้ที่พร้อมจะรับการชี้แนะ ก็จะดึงดูดความสนใจของผู้ที่มีความพร้อมจะรับคำสอนเหล่านั้น และในทำนองเดียวกัน เมื่อผู้ศึกษามีความพร้อมที่จะรับรู้สัจธรรม
หนังสือเล่มเล็กๆ นี้ก็จะมาถึงมือเขาหรือเธอ นี่แหละคือกฎ หลักการเฮอร์เมติกว่าด้วยเหตุและผล ในแง่มุมของกฎแห่งการดึงดูด จะเป็นตัวนำพาให้ทั้งผู้สอนและผู้เรียน นักเรียนและหนังสือ มาพบกัน ขอให้เป็นเช่นนั้น!